รัฐสภาของอิสราเอลได้ผ่านร่างกฎหมายเพื่อจำกัดการดำเนินงานของสำนักงานบรรเทาทุกข์และการทำงานของสหประชาชาติเพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) ซึ่งยิ่งทำให้การส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ล่าช้าอยู่แล้วแก่ผู้พลัดถิ่นในฉนวนกาซาต้องเผชิญกับอุปสรรคมากขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การตัดสินใจดังกล่าวที่แทบจะเป็นการสั่งห้ามการดำเนินงานของ UNRWA เกิดขึ้นแม้ชาติพันธมิตรในยุโรป ไปจนถึงแคนาดา ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น จะเรียกร้องให้อิสราเอลพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง
ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐฯ ก็ได้กดดันให้อิสราเอลเพิ่มการส่งมอบความช่วยเหลือไปยังฉนวนกาซา โดยชี้ว่ากฎหมายของสหรัฐฯ อาจบังคับให้ลดการส่งอาวุธให้แก่อิสราเอล หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น
ร่างกฎหมายนี้ได้รับการอนุมัติในวาระที่ 2 และ 3 จากรัฐสภาอิสราเอลจนกลายเป็นกฎหมายอย่างเป็นทางการ โดยได้สั่งห้ามการดำเนินงานของ UNRWA ในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอิสราเอล แม้ในทางเทคนิคพื้นที่เหล่านั้นจะไม่รวมถึงฉนวนกาซาและเขตเวสต์แบงก์ แต่ UNRWA ก็จะได้รับผลกระทบอย่างมาก เนื่องจากการดำเนินงานและการขนส่งในแต่ละวันจำเป็นต้องมีการประสานงานกับอิสราเอล รวมถึงการใช้พื้นที่และจุดผ่านแดนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอิสราเอล
"ข้อเสนอนี้ห้าม UNRWA จัดตั้งสำนักงานตัวแทน ให้บริการ หรือดำเนินกิจกรรมใด ๆ ทั้งโดยตรงและโดยอ้อมในเขตอธิปไตยของอิสราเอล" แถลงการณ์ของรัฐสภาอิสราเอลระบุ โดยกฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้ภายใน 90 วัน
ทั้งนี้ UNRWA ซึ่งมีคลังเก็บสินค้า ยานพาหนะ และบุคลากร ได้กลายเป็นผู้นำในการส่งมอบความช่วยเหลือแก่ประชากรกว่า 90% ในฉนวนกาซาที่ต้องพลัดถิ่นจากสงครามในพื้นที่ตอนใต้ของกาซา ขณะที่อิสราเอลได้สั่งห้ามไม่ให้ UNRWA ดำเนินการในพื้นที่ทางตอนเหนือของกาซา ซึ่งยังมีชาวปาเลสไตน์ราว 200,000 ถึง 300,000 รายที่ต้องเผชิญกับความยากลำบาก