การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ (5 พ.ย.) ขณะที่ผลการสำรวจจากหลายสำนักต่างบ่งชี้คะแนนนิยมที่สูสึกันอย่างมากระหว่างนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน
เนื่องจากสหรัฐเป็นประเทศขนาดใหญ่ และใช้โซนเวลาแตกต่างกัน จึงทำให้แต่ละรัฐมีเวลาเปิดปิดหีบเลือกตั้งไม่เหมือนกัน โดยจอร์เจีย อินเดียนา และเคนตักกี อยู่ในกลุ่มรัฐแรก ๆ ที่ปิดหีบเลือกตั้ง ณ เวลา 19.00 น.ของวันที่ 5 พ.ย.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 07.00 น.ของวันที่ 6 พ.ย.ตามเวลาไทย และการประกาศคะแนนเลือกตั้งของแต่ละรัฐจะทยอยออกมาจนถึงรัฐอะแลสกาเป็นรัฐสุดท้าย โดยผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะต้องได้รับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 270 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง
อย่างไรก็ดี คาดว่าการนับคะแนนเลือกตั้งอาจใช้เวลาหลายวันก่อนที่จะมีการประกาศชื่อผู้ชนะการเลือกตั้งเช่นเดียวกับการเลือกตั้งในปี 2563 ซึ่งนายโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตสามารถคว้าชัยชนะเหนือนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน
ทั้งนี้ การประกาศผลคะแนนเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในปี 2563 ได้ประสบความล่าช้าหลายวัน เนื่องจากต้องรอผลการนับคะแนนจาก 3 รัฐ คือ รัฐมิชิแกน วิสคอนซิน และเพนซิลเวเนีย ซึ่งต่างก็อยู่ในกลุ่มรัฐสมรภูมิ และมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral Votes) รวมกันมากถึง 46 เสียง หรือคิดเป็น 1 ใน 5 ของจำนวน 270 เสียง ซึ่งเป็นตัวเลขซึ่งนายไบเดนและนายทรัมป์ต้องการเพื่อหวังได้รับชัยชนะ
นอกจากนี้ รัฐจอร์เจีย และนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งต่างก็มีผลการนับคะแนนที่สูสีกันอย่างมากระหว่างนายไบเดนและนายทรัมป์ ก็เป็นอีก 2 รัฐที่ต้องใช้เวลานับคะแนนมากขึ้น ขณะที่ยังคงมีการส่งบัตรเลือกตั้งเข้ามา โดยทั้ง 2 รัฐดังกล่าวมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้งรวมกัน 31 เสียง