การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ (5 พ.ย.) ขณะที่ผลการสำรวจจากหลายสำนักต่างบ่งชี้คะแนนนิยมที่สูสึกันอย่างมากระหว่างนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน โดยผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะต้องได้รับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 270 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีในครั้งนี้ จะถูกตัดสินจากคะแนนเสียงของผู้ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ และคะแนนเสียงจากรัฐสมรภูมิ ที่เรียกว่า Swing States หรือ Battleground States ซึ่งเป็นรัฐที่ไม่ใช่ฐานเสียงของทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน
ทั้งนี้ 7 รัฐที่อยู่ในกลุ่ม Swing States ได้แก่ แอริโซนา จอร์เจีย มิชิแกน เนวาดา นอร์ทแคโรไลนา เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน โดยทั้ง 7 รัฐดังกล่าวมีคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral Votes) รวมกันมากถึง 93 เสียง
แอริโซนามีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 11 เสียง โดยนายทรัมป์คว้าชัยชนะในรัฐดังกล่าวในปี 2559 ก่อนที่จะพ่ายแพ้ต่อนายโจ ไบเดนในปี 2563
จอร์เจียมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 16 เสียง โดยนายทรัมป์คว้าชัยชนะในรัฐดังกล่าวในปี 2559 ก่อนที่จะพ่ายแพ้ต่อนายไบเดนในปี 2563
มิชิแกนมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 15 เสียง โดยนายทรัมป์คว้าชัยชนะในรัฐดังกล่าวในปี 2559 ก่อนที่จะพ่ายแพ้ต่อนายไบเดนในปี 2563
เนวาดามีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 6 เสียง และได้โหวตให้กับผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้ง 4 ครั้งที่ผ่านมา
นอร์ทแคโรไลนามีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 16 เสียง โดยนายทรัมป์คว้าชัยชนะในรัฐดังกล่าวทั้งในปี 2559 และ 2563
เพนซิลเวเนียมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 19 เสียง โดยนายทรัมป์คว้าชัยชนะในรัฐดังกล่าวในปี 2559 ก่อนที่จะพ่ายแพ้ต่อนายไบเดนในปี 2563
วิสคอนซินมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 10 เสียง โดยนายทรัมป์คว้าชัยชนะในรัฐดังกล่าวในปี 2559 ก่อนที่จะพ่ายแพ้ต่อนายไบเดนในปี 2563