สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า มีการขู่วางระเบิดหน่วยเลือกตั้งหลายแห่งใน 4 รัฐสมรภูมิ (Battleground State) ได้แก่ จอร์เจีย มิชิแกน แอริโซนา และวิสคอนซิน ในวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (5 พ.ย.) โดยอ้างว่าส่วนใหญ่มีต้นตอมาจากอีเมลของรัสเซีย
อย่างไรก็ดี FBI แถลงว่า "จนถึงขณะนี้ยังไม่พบว่าการขู่เหล่านี้มีความน่าเชื่อถือแต่อย่างใด" พร้อมเสริมว่าความถูกต้องสมบูรณ์ของการเลือกตั้งเป็นหนึ่งในภารกิจที่มีความสำคัญสูงสุดของ FBI
แอน เจคอบส์ หัวหน้าคณะกรรมการการเลือกตั้งรัฐวิสคอนซิน เปิดเผยว่า มีการขู่วางระเบิดหน่วยเลือกตั้ง 2 แห่งในเมืองเมดิสัน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ แต่ไม่ได้กระทบต่อการลงคะแนนเสียงแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน โฆษกของโจเซลีน เบนสัน เลขาธิการรัฐมิชิแกนจากพรรคเดโมแครต กล่าวว่า มีรายงานการขู่วางระเบิดที่หน่วยเลือกตั้งหลายแห่ง แต่ไม่มีกรณีใดที่น่าเชื่อถือ
ด้านหน่วยเลือกตั้งอย่างน้อย 2 แห่งในรัฐจอร์เจียที่ถูกขู่วางระเบิดได้มีการอพยพประชาชนชั่วคราว โดยแบรด ราฟเฟนสเปอร์เกอร์ เลขาธิการรัฐจอร์เจียจากพรรครีพับลิกัน กล่าวหาว่ารัสเซียเป็นต้นเหตุ
"ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการก่อกวน เพราะไม่อยากให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างราบรื่น ยุติธรรม และถูกต้อง หากสามารถทำให้เราทะเลาะกันเองได้ พวกเขาก็ถือว่าเป็นชัยชนะ" ราฟเฟนสเปอร์เกอร์ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สถานทูตรัสเซียในกรุงวอชิงตันระบุว่า การพูดเป็นเชิงว่ารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งถือเป็น "การใส่ร้ายป้ายสี"
สถานทูตแถลงว่า "เราขอเน้นย้ำว่า รัสเซียไม่เคยแทรกแซงและจะไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น รวมถึงสหรัฐฯ ดังที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้เน้นย้ำหลายครั้งแล้วว่า เราเคารพเจตจำนงของประชาชนชาวอเมริกัน"
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสหรัฐฯ กล่าวหาว่ารัสเซียเคยแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเลือกตั้งในปี 2559 ซึ่งโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน เอาชนะ ฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครต