บรรดานักวิเคราะห์ต่างแสดงความเห็นว่า หุ้นจีนและค่าเงินดอลลาร์ รวมถึงเงินเยนญี่ปุ่นและเงินวอนเกาหลีใต้ เป็นสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ
ดัชนี Dollar Spot Index ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก เพิ่มขึ้นกว่า 1% ขณะที่เงินเยนของญี่ปุ่นและเงินวอนของเกาหลีใต้ลดลงประมาณ 1% ส่วนหุ้นในเอเชียปรับตัวผันผวนและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น โดยความเคลื่อนไหวเหล่านั้นบางส่วนถูกมองว่าสอดคล้องกับการคาดการณ์ที่ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ จะชนะการเลือกตั้ง เมื่อพิจารณาจากท่าทีที่แข็งกร้าวของทรัมป์ต่อจีนและแผนการปรับขึ้นภาษีศุลกากรมากขึ้น
"หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ผมคิดว่าเขาจะสร้างแรงกดดันต่อตลาดเอเชียโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจีน" นิค ทไวเดล หัวหน้านักวิเคราะห์จากเอที โกลบอล มาร์เก็ตส์ ออสเตรเลีย (AT Global Markets Australia) กล่าว พร้อมเสริมว่า "นักลงทุนรายใหญ่จะต้องการปรับสถานะการลงทุนหรือลดความเสี่ยงในตลาดปัจจุบัน"
แครอล คง นักกลยุทธ์จากธนาคารคอมมอนเวลธ์ แบงก์ ออฟ ออสเตรเลีย (Commonwealth Bank of Australia) กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์/เยน อาจปรับตัวขึ้นต่อไป หากผลการเลือกตั้งยังคงบ่งชี้ว่า ทรัมป์จะชนะการเลือกตั้ง และตลาดหุ้นยังคงให้ความสนใจกับนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจของทรัมป์
ชารู ชานานา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนจากแซกโซ มาร์เก็ตส์ (Saxo Markets) กล่าวว่า หากมีสัญญาณว่าทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง อาจทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรและค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงการปรับตัวของราคาหุ้นซึ่งอาจนำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มกลาโหม ขณะที่หาก คามาลา แฮร์ริสจากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้ง อัตราผลตอบแทนและดอลลาร์อาจลดลง และอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว