นายมาร์ค โมเบียส ผู้ก่อตั้งบริษัทโมเบียส แคปิตัล พาร์ทเนอร์ส คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีความแข็งแกร่ง หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ และพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ
"ถ้าคุณทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง พร้อมกับพรรครีพับลิกันชนะการเลือกตั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นจริง คุณก็จะเห็นเศรษฐกิจสหรัฐทะยานขึ้น" นายโมเบียสกล่าว
ทั้งนี้ ชัยชนะของนายทรัมป์ รวมทั้งแนวโน้มที่พรรครีพับลิกันจะกวาดเสียงข้างมากในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ จะทำให้มาตรการต่าง ๆ ตามนโยบาย "Make America Great Again!" ของนายทรัมป์ถูกขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะนโยบายปรับลดอัตราภาษี การผ่อนคลายกฎระเบียบในภาคการเงิน และการใช้จ่ายทางการคลัง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ และหนุนผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาด
สำนักข่าว CNN รายงานว่า นายทรัมป์ได้กลายเป็นว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐแล้ว โดยล่าสุด CNN คาดว่า นายทรัมป์ได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งมากถึง 276 เสียง เกินกว่าระดับ 270 เสียงสำหรับการเป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ส่วนนางคามาลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ได้เพียง 223 เสียง
นอกจากนี้ พรรครีพับลิกันยังมีแนวโน้มกวาดชัยชนะทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดยขณะนี้ CNN รายงานว่า พรรครีพับลิกันสามารถครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาแล้ว โดยมีอยู่ 52 เสียง เกินกว่าระดับ 50 เสียงที่จำเป็นในการครองเสียงข้างมาก ขณะที่พรรคเดโมแครตได้เพียง 42 เสียง ส่วนในสภาผู้แทนราษฎรนั้น ขณะนี้พรรครีพับลิกันได้รับ 204 เสียง ใกล้ระดับ 218 เสียงสำหรับการครองเสียงข้างมาก ขณะที่พรรคเดโมแครตได้เพียง 182 เสียง
การคว้าชัยชนะอย่างรวดเร็วของนายทรัมป์ในเวลาไม่นานหลังการปิดหีบเลือกตั้งในสหรัฐ ถือเป็นการสวนกระแสคาดการณ์ของโพลหลายสำนักที่ว่า การแข่งขันระหว่างนายทรัมป์และนางแฮร์ริสจะเป็นไปอย่างสูสี และการประกาศผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอาจยืดเยื้อและใช้เวลาหลายวันเหมือนกับการเลือกตั้งในปี 2563 ซึ่งนายโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตสามารถคว้าชัยชนะเหนือนายทรัมป์