อิบราฮิม อัล-มูซาวี นักข่าวชาวเลบานอนและโฆษกของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์แสดงความเห็นในวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) เกี่ยวกับชัยชนะของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในศึกเลือกตั้งของสหรัฐฯ ว่า กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ขานรับความพยายามใด ๆ ในการยุติสงครามในเลบานอน แต่ไม่ได้ตั้งความหวังเกี่ยวกับการหยุดยิงไว้กับคณะบริหารชุดใดของสหรัฐฯ เป็นพิเศษ
มูซาวีกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า "แม้พรรคที่กุมอำนาจอาจเปลี่ยนไปก็จริง แต่หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับอิสราเอลแล้ว พวกเขาก็มีนโยบายไม่ต่างไปจากเดิมเท่าใดนัก เราต้องดูที่การกระทำ และการตัดสินใจ"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านได้สู้รบกันมานานกว่า 1 ปี ควบคู่ไปกับสงครามในฉนวนกาซา แต่สถานการณ์ได้ทวีความรุนแรงขึ้นนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนก.ย. หลังจากที่กองทัพอิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มพื้นที่ทางตอนใต้และตะวันออกของเลบานอนหนักขึ้น และดำเนินปฏิบัติการภาคพื้นดินในการบุกโจมตีหมู่บ้านตามแนวชายแดน
ทั้งนี้ ความพยายามทางการทูตของสหรัฐฯ ในการยุติการสู้รบระหว่างอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ซึ่งรวมถึงข้อเสนอหยุดยิง 60 วัน ได้หยุดชะงักลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนการเลือกตั้งในสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (5 พ.ย.) ซึ่งอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ได้ชัยชนะในการกลับสู่ทำเนียบขาว
มูซาวียอมรับว่า การโจมตีอย่างหนักของอิสราเอลส่งผลให้อาคารบ้านเรือนเสียหายหลายพันหลัง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ทางใต้และตะวันออกของเลบานอนที่ชาวมุสลิมชีอะห์อาศัยอยู่ ตลอดจนในพื้นที่ชานเมืองทางใต้ของกรุงเบรุต อย่างไรก็ตามมูซาวียืนยันว่า ศักยภาพทางทหารของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยังคงแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ มูซาวีกล่าวว่า "เราใจสลาย เรากำลังสูญเสียผู้เป็นที่รักยิ่ง ความรู้สึกที่ว่า อิสราเอลจะไม่ถูกลงโทษหรือถูกนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศนั้น เป็นผลมาจากการมีสหรัฐฯ คอยหนุนหลัง ทำให้พวกเขาไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น ขณะที่อเมริกามีส่วนเกี่ยวข้องเต็ม ๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากพวกเขาสามารถใช้อิทธิพลเพื่อหยุดยั้งการทำลายล้างนี้ได้"