เอสมาอีล บากาอี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน เปิดเผยเมื่อวานนี้ (9 พ.ย.) ว่า ข้อกล่าวหาที่ว่าอิหร่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับความพยายามลอบสังหารเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ นั้น "ไม่มีมูลความจริงโดยสิ้นเชิง" และปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างเด็ดขาด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้น หลังกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ประกาศตั้งข้อหากับชายชาวอัฟกันรายหนึ่งในอิหร่าน ซึ่งมีส่วนเชื่อมโยงกับแผนของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (IRGC) ในการพยายามลอบสังหารโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านเผยว่า อิหร่านเคยถูกกล่าวหาในลักษณะคล้ายกันมาแล้วในอดีต แต่ทุกครั้งข้อกล่าวหาเหล่านั้นก็พิสูจน์ได้ว่าไม่มีมูล และอิหร่านได้ปฏิเสธอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกว่าการกล่าวหาในครั้งนี้ "เป็นการสมคบคิดที่น่ารังเกียจ" ซึ่งถูกจัดฉากขึ้นโดยกลุ่มที่ต่อต้านอิหร่านและกลุ่มที่มีความเชื่อมโยงกับอิสราเอล เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ ยิ่งซับซ้อนยิ่งขึ้น โดยอิหร่านจะใช้เครื่องมือที่ชอบธรรมและถูกต้องตามกฎหมายทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อปกป้องสิทธิของประชาชนอิหร่าน
ทั้งนี้ DOJ แถลงในวันศุกร์ (8 พ.ย.) ว่า ฟาร์ฮัด ชาเกรี วัย 51 ปี ซึ่งเป็นพลเมืองอัฟกันในอิหร่านได้รับมอบหมายภารกิจในวันที่ 7 ต.ค. 2567 ให้ลอบสังหารทรัมป์ ทว่าเขาไม่สามารถทำได้สำเร็จตามกรอบเวลาที่ IRGC สั่งการ
ความพยายามลอบสังหารทรัมป์ที่คว้าน้ำเหลวนี้เชื่อกันว่าเป็นคำสั่งจาก IRGC ที่ต้องการปลิดชีพทรัมป์เพื่อล้างแค้นให้กับพลเอกกัสเซม โซเลมานี อดีตผู้บัญชาการหน่วยคุดส์ (Quds) ซึ่งถูกกองทัพสหรัฐฯ ส่งโดรนไปลอบสังหารที่กรุงแบกแดดในปี 2563 ตามคำสั่งของทรัมป์
ชาเกรีพร้อมพวกอีก 2 คนคือ คาร์ลิสเล ริเวรา วัย 49 ปี และโจนาธอน โลดฮอลต์ วัย 36 ปี ยังได้ถูกแจ้งข้อหาวางแผนสังหารผู้สื่อข่าวอเมริกันเชื้อสายอิหร่านอีกคนที่อาศัยอยู่ในนครนิวยอร์กด้วย
ริเวราและโลดฮอลต์ถูกตำรวจสหรัฐฯ จับกุมตัวแล้ว และถูกพาตัวไปขึ้นศาลที่นิวยอร์กเมื่อวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) ขณะที่ชาเกรียังคงหลบหนี และเชื่อว่าน่าจะกบดานอยู่ในอิหร่าน