ชิเงรุ อิชิบะ หัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ได้รับเลือกอย่างเป็นทางการให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นต่อไป หลังผ่านการลงมติจากรัฐสภาในวันนี้ (11 พ.ย.) ปูทางสู่การจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย สืบเนื่องจากความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อปลายเดือนที่แล้วที่ทำให้พรรค LDP และพรรคร่วมรัฐบาลต้องสูญเสียที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรให้กับพรรคฝ่ายค้าน
อิชิบะได้รับคะแนนเสียง 221 คะแนนในการโหวตรอบตัดเชือกของสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ ซึ่งแม้ว่าคะแนนดังกล่าวจะไม่ถึงกึ่งหนึ่งหรือ 233 คะแนนของทั้งหมด 465 ที่นั่ง แต่เขาก็ชนะโยชิฮิโกะ โนดะ ผู้นำพรรคฝ่ายค้านที่ได้เพียง 160 คะแนน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า พรรคเสรีประชาธิปไตยของอิชิบะ และพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคโคเมโตะ (Komeito) สูญเสียเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร หลังพ่ายแพ้การเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ต.ค. อย่างไรก็ตาม พรรคร่วมรัฐบาลยังสามารถคว้าที่นั่งได้เกือบมากพอที่จะลงมติให้อิชิบะกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เนื่องจากความแตกแยกในฝ่ายค้าน
แม้อิชิบะยังคงรักษาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอาไว้ได้ แต่เขาก็กำลังเผชิญกับอนาคตที่ไม่แน่นอนจากการที่พรรคร่วมรัฐบาลสูญเสียเสียงข้างมากหลังการเลือกตั้งทั่วไป โดยพรรค LDP และพรรคโคเมโตะ จำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคฝ่ายค้านบางส่วนเพื่อผ่านกฎหมายสำคัญ ซึ่งรวมถึงงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอิชิบะกล่าวว่า งบประมาณจะสูงถึง 13 ล้านล้านเยน (8.5 หมื่นล้านดอลลาร์)
หลายฝ่ายคาดว่า หลังการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี อิชิบะจะแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับเปลี่ยนบางตำแหน่งจากครม.ชุดเดิมที่เพิ่งมีการแต่งตั้งเมื่อเพียง 6 สัปดาห์ก่อน หลังที่เขาก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ
นอกจากการเมืองภายในแล้ว การหวนคืนสู่ตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ของอดีตปธน.ทรัมป์ยังเพิ่มความเสี่ยงให้กับอิชิบะด้วยเช่นกัน โดยทรัมป์เรียกร้องให้ญี่ปุ่นจ่ายเงินเพิ่มสำหรับการส่งทหารสหรัฐฯ ประมาณ 55,000 นายไปประจำการในญี่ปุ่น ขณะที่ข้อตกลงปัจจุบันจะต่ออายุในปี 2569