แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ แถลงเมื่อวานนี้ (18 พ.ย.) ว่า รัสเซียต่างหากที่เป็นฝ่ายสุมไฟความขัดแย้งในยูเครน โดยการเสริมทัพด้วยกำลังทหารจากเกาหลีเหนือ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ทางการรัสเซียออกมาเตือนสหรัฐฯ ว่า สหรัฐฯ จะยิ่งเข้ามาพัวพันในการสู้รบครั้งนี้มากขึ้นจากการอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธที่ผลิตโดยสหรัฐฯ โจมตีลึกเข้ามายังดินแดนของรัสเซีย
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ปฏิเสธที่จะยืนยันในการแถลงข่าวว่า คณะบริหารชุดปัจจุบันของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ตัดสินใจอนุญาตให้ดำเนินการโจมตีดังกล่าวหรือไม่ แต่ได้เน้นย้ำว่า "สหรัฐฯ จะปรับและเปลี่ยนแปลงขีดความสามารถในการสนับสนุนที่มอบแก่ยูเครนเมื่อถึงเวลาอันสมควร"
ทั้งนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (17 พ.ย.) ว่า คณะบริหารของปธน.ไบเดน อนุมัติให้ยูเครนดำเนินการโจมตีดังกล่าวได้ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่แหล่งข่าวระบุว่า เป็นการตอบโต้รัสเซียที่ดึงทหารเกาหลีเหนือเข้ามาเอี่ยว
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย กล่าวในวันจันทร์ว่า คณะบริหารชุดที่กำลังจะหมดวาระของสหรัฐฯ กำลังสุมไฟให้ความขัดแย้งกับยูเครนทวีความรุนแรงขึ้น
ด้านวาสซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ กล่าวในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เมื่อวันจันทร์ โดยอ้างรายงานของสื่อว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกลโจมตีเข้ามาในรัสเซียได้
เขากล่าวว่า "บางทีโจ ไบเดน อาจไม่มีอะไรจะเสียแล้วด้วยเหตุผลหลายอย่าง แต่เราประหลาดใจกับวิสัยทัศน์อันน้อยนิดของผู้นำอังกฤษและฝรั่งเศส ... พวกเขากระเหี้ยนกระหือรือที่จะเป็นเครื่องมือให้กับรัฐบาลที่จะหมดวาระชุดนี้ และกำลังนำพาประเทศอื่น ๆ ทั้งยุโรป ไม่ใช่แค่ประเทศตัวเอง เข้าสู่สถานการณ์ที่ตึงเครียดครั้งใหญ่และมีกระทบอย่างรุนแรง"