ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (21 พ.ย.) ว่า สงครามยูเครนกำลังทวีความรุนแรงขึ้นไปสู่ความขัดแย้งระดับโลก หลังจากที่สหรัฐฯ และอังกฤษยินยอมให้ยูเครนโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซียด้วยอาวุธจากทั้งสองประเทศ และเตือนบรรดาชาติตะวันตกว่า รัสเซียพร้อมจู่โจมกลับ
ปธน.ปูตินชี้ว่า รัสเซียได้ตอบสนองต่อการใช้ขีปนาวุธสหรัฐฯ และอังกฤษโดยยิงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงพิสัยกลางชนิดใหม่เข้าใส่สิ่งปลูกสร้างทางการทหารของยูเครน พร้อมขู่ว่าอาจมีการโจมตีเกิดขึ้นมากกว่านี้ โดยเขาระบุว่า พลเรือนจะได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนจะโจมตีด้วยอาวุธดังกล่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า หลังจากที่คณะบริหารของปธน.โจ ไบเดนให้การอนุมัติ ยูเครนก็ได้ยิงขีปนาวุธ ATACMS ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ จำนวน 6 ลูกใส่รัสเซียเมื่อวันที่ 19 พ.ย. และต่อมาก็ใช้ขีปนาวุธ Storm Shadow ของอังกฤษ และระบบเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องอัตตาจรสูง (HIMARS) ของสหรัฐฯ ในวันที่ 21 พ.ย.
ปูตินแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ของทางการว่า "ตั้งแต่บัดนั้น ดังเช่นที่เราเคยเน้นย้ำหลายต่อหลายครั้ง ความขัดแย้งระดับภูมิภาคในยูเครนที่ก่อนหน้านี้ถูกยั่วยุจากชาติตะวันตก ได้กลายมาเป็นความขัดแย้งระดับโลกเรียบร้อยแล้ว"
ปูตินจวกว่า สหรัฐฯ ได้นำพาโลกเข้าสู่ความขัดแย้งระดับโลก และกล่าวว่า "เมื่อเกิดความเคลื่อนไหวที่มีความแข็งกร้าวมากขึ้น เราก็จะตอบโต้อย่างเด็ดขาดในลักษณะเดียวกัน"
ปูตินระบุว่า การที่ยูเครนโจมตีด้วยขีปนาวุธ ATACMS ของสหรัฐฯ นั้นไม่ได้สร้างความเสียหายร้ายแรง อย่างไรก็ตาม การใช้ขีปนาวุธ Storm Shadow ของอังกฤษโจมตีเขาใส่แคว้นคูสค์เมื่อวันที่ 21 พ.ย. นั้นมุ่งเป้ามายังจุดบัญชาการและส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
ปูตินยืนยันว่า "การที่ศัตรูใช้อาวุธดังกล่าวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแนวปฏิบัติทางการทหารในพื้นที่ปฏิบัติทางการทหารพิเศษได้"