ผลการนับคะแนนเบื้องต้นจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีโรมาเนียรอบแรกเมื่อวันอาทิตย์ (24 พ.ย.) พบว่า คอลิน จอร์เจสกู ผู้สมัครฝ่ายขวาจัดที่มีจุดยืนต่อต้านนาโต มีคะแนนสูสีกับมาร์เชล ชอลากู นายกรัฐมนตรีฝ่ายซ้าย ซึ่งผลดังกล่าวสร้างความตกตะลึงและอาจส่งผลกระทบต่อจุดยืนของโรมาเนียที่สนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขัน
ผลการนับคะแนนเกือบ 93% พบว่า จอร์เจสกู วัย 62 ปี ได้คะแนนนำที่ 22% ตามด้วยนายกฯ ชอลากู ที่ 21% ส่งผลให้ทั้งคู่มีแนวโน้มจะผ่านเข้าสู่การเลือกตั้งรอบสองในวันที่ 8 ธ.ค.
สำหรับในกลุ่มชาวโรมาเนียที่อาศัยในต่างประเทศซึ่งมีจำนวนหลายแสนคนนั้น เอเลนา ลัสโคนี ผู้สมัครสายกลาง-ขวา ทำคะแนนได้เป็นอันดับสองรองจากจอร์เจสกู โดยขณะนี้นับคะแนนในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งนอกประเทศไปแล้วประมาณ 50% อย่างไรก็ตาม ผู้สังเกตการณ์ระบุว่า คะแนนนำดังกล่าวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้เธอผ่านเข้าสู่การเลือกตั้งรอบสุดท้าย เมื่อนับคะแนนทั้งหมดเสร็จสิ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตำแหน่งปธน.โรมาเนียมีอำนาจบริหารบางส่วน โดยเฉพาะการควบคุมงบประมาณด้านกลาโหม ซึ่งอาจกลายเป็นประเด็นท้าทาย เนื่องจากโรมาเนียกำลังเผชิญแรงกดดันสองด้าน คือการต้องรักษาระดับการใช้จ่ายตามข้อผูกพันกับนาโตในช่วงที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับมาดำรงตำแหน่งปธน.สหรัฐฯ สมัยที่สอง ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามแก้ปัญหาการขาดดุลงบประมาณที่อยู่ในระดับสูง
ที่น่าสนใจคือ ผลโพลบางสำนักในช่วงก่อนการเลือกตั้งระบุว่า จอร์เจสกูจะได้คะแนนนิยมเพียงราว 5% เท่านั้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้แทบไม่ปรากฏในผลโพลใดเลย
ราดู แม็กดิน นักวิเคราะห์การเมือง กล่าวว่า ความต่างระหว่างคะแนนนิยมที่เคยต่ำกว่า 10% ของจอร์เจสกูกับผลคะแนนในการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนนับตั้งแต่โรมาเนียเปลี่ยนผ่านจากระบอบคอมมิวนิสต์ในปี 2532
"ตลอด 34 ปีของระบอบประชาธิปไตย เราไม่เคยเห็นคะแนนนิยมพุ่งสูงขึ้นขนาดนี้มาก่อนเมื่อเทียบกับผลสำรวจ" แม็กดินกล่าว
สำหรับประเด็นการรณรงค์หาเสียง ผู้สมัครต่างให้น้ำหนักกับปัญหาค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากโรมาเนียเป็นประเทศที่มีประชากรอยู่ในสภาวะเสี่ยงต่อความยากจนในสัดส่วนที่สูงที่สุดในสหภาพยุโรป (EU)
นายกฯ ชอลากูพยายามดึงดูดคะแนนเสียงด้วยนโยบายเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐและไม่เพิ่มภาษี แม้ว่าโรมาเนียจะประสบปัญหาการขาดดุลงบประมาณสูงที่สุดใน EU คิดเป็น 8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) นอกจากนี้ เขายังนำเสนอภาพลักษณ์ของความมั่นคงทางนโยบายในช่วงที่มีสงครามเกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านอย่างยูเครนอีกด้วย
ในอีกด้านหนึ่ง จอร์เจสกูซึ่งเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกคนสำคัญของพรรคพันธมิตรเพื่อเอกภาพโรมาเนีย (Alliance for Uniting Romanians) ฝ่ายขวาจัด เคยวิพากษ์วิจารณ์ระบบป้องกันขีปนาวุธของนาโตที่ตั้งอยู่ในเมืองเดเวเซลูของโรมาเนีย โดยเรียกว่าเป็น "ความอัปยศทางการทูต"
นอกจากนี้ จอร์เจสกูยังแสดงจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทของนาโต โดยกล่าวว่า พันธมิตรทางทหารนี้จะไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือประเทศสมาชิกใด ๆ หากถูกรัสเซียโจมตี
"เราเข้มแข็งและกล้าหาญ หลายคนได้โหวตให้เราแล้ว และจะมีผู้สนับสนุนเพิ่มขึ้นอีกในการเลือกตั้งรอบสอง" จอร์เจสกูกล่าว ขณะยืนอยู่เพียงลำพังนอกอาคารที่พักแห่งหนึ่งใกล้กรุงบูคาเรสต์เมื่อค่ำวันอาทิตย์