อังเกลา แมร์เคิล อดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ BBC ในวันจันทร์ (25 พ.ย.) ว่า เธอยอมรับแสนยานุภาพทางทหารของรัสเซีย พร้อมทั้งเตือนว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในยูเครนต้องทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์
"เราไม่ควรหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก แต่เราก็ต้องยอมรับว่ารัสเซียคือมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุด หรือไม่ก็เป็นหนึ่งในสองมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกร่วมกับสหรัฐฯ จึงมีศักยภาพด้านนิวเคลียร์ที่น่าสะพรึง" แมร์เคิลกล่าว "เราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์"
ขณะเดียวกัน แมร์เคิลได้กล่าวชื่นชมจีนที่เรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจในเรื่องนี้ โดยกระทรวงการต่างประเทศของจีนแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า "ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องสงบสติอารมณ์" และ "ร่วมกันลดระดับความตึงเครียดผ่านการเจรจา"
สำนักข่าว RT ของรัสเซียรายงานว่า หลักการใหม่สำหรับการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียนั้น อนุญาตให้มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ตอบโต้ได้ ในกรณีที่รัสเซียถูกโจมตีด้วยอาวุธทั่วไปจากประเทศที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์แต่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศมหาอำนาจนิวเคลียร์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยูเครนได้เปิดฉากโจมตีรัสเซียหลายระลอกด้วยขีปนาวุธ ATACMS และจรวด HIMARS ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ รวมถึงขีปนาวุธ Storm Shadow ที่ผลิตโดยอังกฤษ ขณะที่ฝรั่งเศสไฟเขียวให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธร่อน SCALP-EG ของฝรั่งเศสด้วยเช่นกัน
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า การโจมตีดังกล่าวได้ทำให้ความขัดแย้งในยูเครนลุกลามไปทั่วโลก โดยรัสเซียมั่นใจว่ากองกำลังยูเครนไม่มีความสามารถในการใช้อาวุธดังกล่าวหากไม่ได้รับความช่วยเหลือและข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมายในการโจมตีจากชาติตะวันตก
รัสเซียตอบโต้การโจมตีของยูเครนด้วยการยิงขีปนาวุธเหนือเสียง โอเรชนิก (Oreshnik) ถล่มโรงงานอุตสาหกรรมทางทหารในเมืองดนีโปรเปตรอฟสค์ (Dnepropetrovsk) ของยูเครนเมื่อวันพฤหัสบดี (21 พ.ย.) โดยขีปนาวุธรุ่นใหม่นี้สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ แต่ในการโจมตีครั้งนี้ใช้เพียงหัวรบทั่วไป