เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ได้ออกหมายเรียกไปยังสำนักงานของซารา ดูเตอร์เต รองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ในวันนี้ (26 พ.ย.) โดยเชิญให้เธอตอบคำถามของผู้สืบสวน หลังจากที่เธอออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับแผนลอบสังหารประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ หากตัวเธอเองถูกสังหาร
หมายเรียกนี้สั่งให้ดูเตอร์เตไปปรากฏตัวที่สำนักงานสอบสวนแห่งชาติในวันศุกร์ (29 พ.ย.) เพื่อ "ให้ความกระจ่างในการสอบสวนกรณีข้อกล่าวหาขู่ทำร้ายร่างกายอย่างร้ายแรง"
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังดูเตอร์เต บุตรสาวของโรดริโก ดูเตอร์เต อดีตผู้นำฟิลิปปินส์ กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันเสาร์ (23 พ.ย.) ว่า เธอได้เตรียมการสังหารมาร์กอส รวมไปถึงลิซา อาราเนตา มาร์กอส ภรรยาของเขา และมาร์ติน โรมูอัลเดซ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของมาร์กอส หากเธอถูกสังหาร ก่อนที่ดูเตอร์เตจะออกมากล่าวในเวลาต่อมาว่า ถ้อยแถลงของเธอถูกนำไปตีความไม่ถูกต้อง เนื่องจากเธอกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวเธอเองด้วย
ด้านประธานาธิบดีมาร์กอส กล่าวถึงภัยคุกคามดังกล่าวเมื่อวานนี้ (25 พ.ย.) ว่าเป็นแผนการก่ออาชญากรรม และให้คำมั่นว่าจะต่อสู้กับภัยคุกคามดังกล่าวและรักษาหลักนิติธรรม
ปธน.มาร์กอส จูเนียร์ กล่าวโดยไม่ได้เอ่ยชื่อดูเตอร์เตว่า "หากการวางแผนลอบสังหารประธานาธิบดีเป็นเรื่องง่ายขนาดนั้น แล้วประชาชนทั่วไปจะยิ่งง่ายขนาดไหน เราไม่ควรเพิกเฉยต่อความพยายามกระทำผิดทางอาญาดังกล่าว"
ขณะเดียวกัน ตำรวจและกองทัพฟิลิปปินส์ได้แสดงความกังวลและรีบเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับมาร์กอสทันที โดยเอ็ดดูอาร์โด อาโน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ภัยคุกคามดังกล่าวเป็นปัญหาด้านความมั่นคงของชาติ
เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นจุดแตกหักของความขัดแย้งระหว่างมาร์กอสกับดูเตอร์เต ซึ่งต่างก็เป็นนักการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดของฟิลิปปินส์ ทั้งยังเคยร่วมมือกันในช่วงการเลือกตั้งปี 2565 โดยความสัมพันธ์ของทั้งคู่เกิดรอยร้าวหลังจากมีความเห็นไม่ลงรอยกันทางด้านการเมือง ซึ่งส่งผลให้ดูเตอร์เตลาออกจากคณะรัฐมนตรีของมาร์กอสเมื่อต้นปีนี้
การออกมาขู่ลอบสังหารดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่พันธมิตรของมาร์กอสในรัฐสภากำลังสอบสวนดูเตอร์เตในข้อกล่าวหาใช้เงินโดยมิชอบ ซึ่งเธอปฏิเสธ อีกทั้งยังอ้างด้วยว่าสมาชิกรัฐสภากำลังหาเรื่องถอดถอนเธอ