เจ้าหน้าที่แคนาดาบางรายได้แสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับคำขู่ขึ้นภาษีนำเข้าของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยผู้ว่าการรัฐออนแทริโอมองว่า การนำแคนาดาไปเทียบกับเม็กซิโกเป็นเรื่องที่ดูถูกกันมากที่สุดตั้งแต่ที่เคยได้ยินมา
สำนักข่าวเอพี (AP) รายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภทจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% เมื่อเขาเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในวันแรกในเดือนม.ค. และจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% โดยระบุถึงเหตุผลเรื่องการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายและการค้ายาเสพติด
ดั๊ก ฟอร์ด ผู้ว่าการรัฐออนแทริโอของแคนาดา กล่าวว่า "การเปรียบเทียบเรากับเม็กซิโก ถือเป็นเรื่องที่ดูถูกกันมากที่สุดที่ผมเคยได้ยินจากเพื่อนและพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของเราอย่างสหรัฐอเมริกา ... ความคิดเห็นของเขาไม่ยุติธรรมเลย มันเหมือนกำลังโดนคนในครอบครัวแทงตรงหัวใจ" พร้อมยืนยันว่า แคนาดาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบโต้
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด เตรียมจัดประชุมฉุกเฉินกับบรรดาผู้นำของแต่ละรัฐในวันนี้ (27 พ.ย.) โดยค่าเงินดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่าลงอย่างมากในตลาดปริวรรตเงินตรา
ทรูโดกล่าวว่า เขาได้พูดคุยกับทรัมป์หลังการมีคำขู่ขึ้นภาษีดังกล่าวแล้ว โดยระบุว่า "เราได้พูดคุยกันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและมีประสิทธิภาพระหว่างทั้งสองประเทศ พูดคุยเกี่ยวกับความท้าทายที่เราสามารถร่วมมือกันได้ และเป็นการโทรคุยกันที่ดี"
ทั้งนี้ แคนาดาเคยออกมาตรการภาษีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อตอบโต้การปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมของทรัมป์มาแล้ว ขณะทรัมป์ดำรงตำแหน่งสมัยแรกในปี 2561 โดยสินค้าหลายชนิดที่ถูกปรับขึ้นภาษีส่งผลกระทบทางการเมืองมากกว่าทางเศรษฐกิจ อาทิ โยเกิร์ต ที่แคนาดานำเข้าจากสหรัฐฯ เป็นมูลค่า 3 ล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งเกือบทั้งหมดผลิตในโรงงานแห่งหนึ่งที่รัฐวิสคอนซิน รัฐของประธานสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น
เวลานี้เป็นอีกครั้งที่แคนาดามีความกังวลเกี่ยวกับภาษียานยนต์เป็นพิเศษ ซึ่งอุตสาหกรรมยานยนต์อเมริกาเหนือมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอย่างมาก โดยชิ้นส่วนที่ถูกผลิตในแคนาดามักถูกส่งไปผลิตเป็นรถยนต์ในสหรัฐฯ และส่งกลับมาขายชาวแคนาดา
ฟลาวิโอ โวลเป ประธานสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แห่งแคนาดา กล่าวว่า "การแก้ปัญหาด้วยภาษีนำเข้าก็เหมือนกับการแยกไข่แดงออกจากไข่ขาวในไข่เจียว มันเป็นไปไม่ได้ ... สหรัฐฯ ไม่สามารถทำร้ายภาคยานยนต์แคนาดาได้โดยไม่กระทบภาคยานยนต์ของอเมริกาเอง"