สื่อรัฐบาลจีนเตือนว่า คำสัญญาของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจีนด้วยเหตุผลเรื่องยาเสพติดเฟนทานิล อาจลากสองมหาอำนาจเศรษฐกิจของโลกเข้าสู่สงครามภาษีที่ทำลายล้างทั้งสองฝ่าย
บทบรรณาธิการในไชน่าเดลี่และโกลบอลไทมส์ สื่อกระบอกเสียงพรรคคอมมิวนิสต์จีน ออกมาเตือนเมื่อคืนวันอังคาร (26 พ.ย.) ว่า อย่าให้ผู้ที่จะเข้าพำนักในทำเนียบขาวคนต่อไปทำให้จีนกลายเป็น "แพะรับบาป" สำหรับวิกฤตเฟนทานิลในสหรัฐฯ หรือ "มองข้ามไมตรีจิตของจีนในการร่วมมือปราบปรามยาเสพติด"
"เหตุผลที่ว่าที่ประธานาธิบดีอ้างมาเพื่อสนับสนุนการขู่ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติมนั้น ช่างเลื่อนลอยเหลือเกิน" ไชน่าเดลี่ระบุ
"ในสงครามภาษีศุลกากร ไร้ซึ่งผู้ชนะ หากสหรัฐฯ ยังคงเอาการเมืองนำการค้า ใช้ภาษีเป็นอาวุธต่อไป ทุกฝ่ายย่อมได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นักเศรษฐศาสตร์เริ่มปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนสำหรับปี 2568 และ 2569 เพื่อตอบรับกับภาษีนำเข้าเพิ่มเติมที่ทรัมป์ให้คำมั่นไว้ในช่วงหาเสียง พร้อมเตือนชาวอเมริกันให้เตรียมตัวรับค่าครองชีพที่จะพุ่งสูงขึ้น
"ณ ตอนนี้ เราแน่ใจได้เพียงอย่างเดียวว่าความเสี่ยงในด้านนี้อยู่ในระดับสูง" หลุยส์ คูอิจส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์เอเชียแห่งเอสแอนด์พี โกลบอล เรทติงส์ (S&P Global Ratings) กล่าว พร้อมเผยว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (24 พ.ย.) บริษัทได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของจีนในปี 2568 และ 2569 ลงเหลือ 4.1% และ 3.8% ตามลำดับ
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยในวันนี้ (27 พ.ย.) ว่า กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีนร่วงลง 10% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนยังไม่ช่วยให้ผลประกอบการของภาคเอกชนฟื้นตัวขึ้นได้
นักเศรษฐศาสตร์ในโพลของสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วคาดการณ์ว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มในอัตรา 15%-60% โดยส่วนใหญ่มองว่า จีนจำเป็นต้องอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม เพื่อหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและบรรเทาแรงกดดันต่อภาคส่งออก
คำขู่ของทรัมป์ครั้งนี้สะเทือนทั่วภาคอุตสาหกรรมจีน ซึ่งส่งออกสินค้าให้สหรัฐฯ มูลค่าปีละกว่า 4 แสนล้านดอลลาร์ ยังไม่นับชิ้นส่วนอีกนับแสนล้านดอลลาร์ที่ใช้ผลิตสินค้าที่ชาวอเมริกันซื้อจากประเทศอื่น
ทั้งนี้ จีนต้องเตรียมรับมือหนัก เพราะทรัมป์ตั้งใจใช้จีนเป็นเครื่องมือในการลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ และสร้าง "ยุคฟื้นฟูภาคการผลิต" ตามที่ทรัมป์หาเสียงไว้