รัสเซียประกาศกร้าว ฐานทัพนาโตมีสิทธิถูกถล่ม หากสถานการณ์ขัดแย้งรุนแรงขึ้น

ข่าวต่างประเทศ Thursday November 28, 2024 13:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซียไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ว่า รัสเซียอาจจำเป็นต้องโจมตีฐานทัพของนาโต (NATO) หากสถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ผลิตโดยชาติตะวันตกในการโจมตีรัสเซีย

"หากความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้น ก็ไม่อาจตัดความเป็นไปได้ใด ๆ ออกไป เพราะประเทศสมาชิกนาโตได้เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ในความขัดแย้งนี้" เมดเวเดฟให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอัล อาราบิยา (Al Arabiya) ของซาอุดีอาระเบีย

เขาให้ความเห็นดังกล่าวเพื่อตอบคำถามที่ว่า รัสเซียจะโจมตีศูนย์กลางทางทหารในโรมาเนียและโปแลนด์หรือไม่ หากยูเครนยังคงใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ผลิตโดยชาติตะวันตกโจมตีรัสเซียต่อไป

"ชาติตะวันตกต้องตระหนักว่าพวกเขาเลือกข้างยูเครน" เมดเวเดฟกล่าวเสริม "พวกเขาไม่เพียงจัดส่งอาวุธและเงินทุนให้แก่ยูเครน แต่พวกเขาสู้รบโดยตรง เพราะพวกเขาชี้เป้าหมายในการโจมตีดินแดนรัสเซีย รวมทั้งควบคุมขีปนาวุธของอเมริกาและยุโรป ซึ่งถือว่าพวกเขาสู้รบกับสหพันธรัฐรัสเซีย เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ไม่อาจตัดความเป็นไปได้ใด ๆ ออกไป"

ยิ่งไปกว่านั้น เมดเวเดฟเตือนว่า "แม้แต่สถานการณ์ที่ทุกข์ยากและน่าเศร้าที่สุดก็อาจเกิดขึ้นได้"

"เราไม่ต้องการให้สถานการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น เราย้ำเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว เราต้องการสันติภาพ แต่สันติภาพนี้ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของรัสเซีย"

สำนักข่าว TASS ของรัสเซียรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ยูเครนได้โจมตีเป้าหมายในแคว้นคุสค์และแคว้นบรีอันสค์ของรัสเซีย โดยใช้ขีปนาวุธพิสัยไกล ATACMS ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ และขีปนาวุธพิสัยไกล Storm Shadow ที่ผลิตโดยอังกฤษ หลังจากนั้นรัสเซียได้ตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธเหนือเสียงพิสัยกลาง โอเรชนิก (Oreshnik) ถล่มโรงงานอุตสาหกรรมทางทหารในเมืองดนีโปรเปตรอฟสค์ของยูเครน

กระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่า ในช่วงไม่กี่วันมานี้ กองกำลังยูเครนยังคงใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ผลิตโดยชาติตะวันตกโจมตีรัสเซียอีกหลายครั้ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ