เหล่าผู้บริหารและนักวิเคราะห์ได้แสดงความกังวลว่า เวียดนามเสี่ยงจะตกเป็นเป้าหมายต่อไปที่จะโดนรัฐบาลชุดใหม่ของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นภาษีศุลกากร เนื่องจากข้อมูลเผยให้เห็นว่า เวียดนามเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เวียดนาม ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของบริษัทข้ามชาติของสหรัฐฯ อย่าง แอปเปิ้ล (Apple), กูเกิล (Google), ไนกี้ (Nike) และอินเทล (Intel) เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูงสุดเป็นอันดับที่ 4 โดยเป็นรองเพียงจีน สหภาพยุโรป (EU) และเม็กซิโกเท่านั้น
ข้อมูลการค้าของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (5 ธ.ค.) แสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับเวียดนาม 1.02 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นเกือบ 20% หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566
เดโบราห์ เอล์มส์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายการค้าของฮินริช ฟาวน์เดชัน (Hinrich Foundation) กล่าวว่า "สำหรับทรัมป์แล้ว ตัวชี้วัดหลักคือการขาดดุลการค้า และตัวเลขของเวียดนามค่อนข้างล่อแหลม ... นอกจากนี้ เวียดนามถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินการตั้งแต่เนิ่น ๆ เนื่องจากเวียดนามไม่สามารถตอบโต้ง่ายดายขนาดนั้น"
นอกจากนี้ เอริค ทรัมป์ ลูกชายและที่ปรึกษาคนสำคัญของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวอ้างถึงเวียดนามว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ "ปล้น" สหรัฐฯ ด้วย