สื่อรัสเซียรายงานว่า ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรียได้หลบหนีไปยังรัสเซียแล้วในวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่กลุ่มกบฏบุกเข้ายึดกรุงดามัสกัสได้สำเร็จ ปิดฉากการปกครองยาวนานกว่า 50 ปีของระบอบอัสซาด
สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซียรายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากทางการรัสเซียว่า อัสซาดและครอบครัวได้ลี้ภัยไปยังรัสเซีย ซึ่งถือเป็นสหายและผู้ปกป้องอดีตผู้นำซีเรียมาอย่างยาวนาน
รายงานระบุว่า อัลซาดหลบหนีออกจากซีเรียในช่วงเช้าวันอาทิตย์ ขณะที่ชาวซีเรียออกมาโห่ร้องแสดงความยินดีตามท้องถนนพร้อมกับยิงปืนฉลองชัยชนะ หลังจากที่กลุ่มกบฏสามารถรุกคืบยึดเมืองหลวงได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดการปกครองเผด็จการที่ยาวนานถึงครึ่งศตวรรษของตระกูลอัสซาด
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ทำให้เกิดคำถามตามมาเกี่ยวกับอนาคตของซีเรียและภูมิภาค โดยดมิทรี โพลีอันสกี รองผู้แทนถาวรคนที่หนึ่งของรัสเซียประจำสหประชาชาติ (UN) ระบุผ่านโพสต์บนเทเลแกรมว่า รัสเซียเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) จัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย
บรรดาฝูงชนที่ยินดีต่างออกมารวมตัวกันตามจัตุรัสต่าง ๆ ในกรุงดามัสกัส พร้อมโบกธงปฏิวัติซีเรีย อันเป็นภาพที่ชวนให้นึกถึงช่วงเริ่มต้นของการลุกฮืออาหรับสปริง ก่อนเกิดการปราบปรามอย่างรุนแรงและการก่อความไม่สงบที่ทำให้ประเทศเข้าสู่สงครามกลางเมืองที่กินเวลายาวนานเกือบ 14 ปี
อาบู โมฮัมเหม็ด อัล-โกลานี อดีตผู้นำกลุ่มอัลกออิดะห์ซึ่งตัดสัมพันธ์กับทางกลุ่มเมื่อหลายปีที่แล้ว และเป็นผู้นำกลุ่มกบฏครั้งใหญ่นี้ รวมทั้งมีแนวโน้มว่าจะได้เป็นผู้ที่กำหนดอนาคตของประเทศต่อไป กล่าวว่า การล่มสลายของอัสซาดเป็น "ชัยชนะของชาติอิสลาม"