การปกครองของตระกูลอัสซาดในซีเรียซึ่งยาวนานมากว่าครึ่งศตวรรษได้ล่มสลายลงอย่างรวดเร็วแบบที่หลายคนไม่คาดคิด หลังจากกลุ่มกบฏสามารถโจมตีและยึดครองกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของประเทศ รวมถึงเมืองสำคัญหลายแห่งได้ในเวลาอันสั้นเพียง 2 สัปดาห์
ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้ปกครองซีเรียมายาวนาน 24 ปี ซึ่งสืบทอดอำนาจจากบิดา ฮาเฟซ อัล-อัสซาด ได้หลบหนีออกนอกประเทศ โดยสื่อรัสเซียรายงานว่าเขาได้ลี้ภัยไปยังกรุงมอสโก ขณะที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลสามารถบุกยึดพื้นที่สำคัญทั่วประเทศได้โดยแทบไม่มีการต่อต้าน
จุดเริ่มต้นของความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานกว่า 13 ปีนี้สืบย้อนกลับไปเมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลในปี 2554 ซึ่งกลุ่มต่อต้านถูกปราบปรามอย่างรุนแรงจนกลายเป็นสงครามกลางเมืองที่น่าสะพรึง โดยมีผู้เสียชีวิตกว่าครึ่งล้านคน และผลักดันให้ประชากรกว่าครึ่งของประเทศ หรือราว 11.5 ล้านคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น อย่างไรก็ดี แม้ว่าอัสซาดจะได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านและรัสเซีย และสามารถยึดคืนพื้นที่มากกว่าสองในสามของประเทศ แต่ในที่สุดก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีของกลุ่มกบฏที่ยังคงควบคุมพื้นที่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือได้
ต่อไปนี้คือลำดับเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในซีเรียในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
*27 พ.ย. - กลุ่มกบฏซีเรียเปิดฉากปฏิบัติการโจมตีสายฟ้าแลบ
กลุ่มติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลได้เปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังรัฐบาลทางตะวันตกเฉียงเหนือ โดยอ้างว่ายึดหมู่บ้านได้มากกว่า 15 แห่งจากกองกำลังรัฐบาลในเมืองอเลปโป ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศและการยิงปืนใหญ่เพื่อหยุดยั้งการรุกคืบของกลุ่มกบฏ
กลุ่มที่เป็นแกนนำการโจมตีคือกลุ่มนักรบอิสลามนิกายสุหนี่ "ฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม" (Hayat Tahrir al-Sham: HTS) ซึ่งเดิมเคยเป็นเครือข่ายอัลกออิดะห์ในซีเรีย หรือที่รู้จักกันในชื่อ นุสรา ฟรอนต์ (Nusra Front) แต่กองกำลังกบฏ HTS ได้ตัดความสัมพันธ์กับกลุ่มอัลกออิดะห์และพยายามสร้างภาพลักษณ์ที่มีความเป็นกลางมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สหประชาชาติ (UN) และสหรัฐฯ ยังคงจัดให้เป็นกลุ่มก่อการร้าย
การโจมตีเมืองอเลปโปเกิดขึ้นหลังจากความรุนแรงคุกรุ่นต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ รวมถึงการโจมตีของรัฐบาลในพื้นที่ที่กลุ่มกบฏยึดครอง ขณะที่ตุรกี ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ระบุว่ากลุ่มกบฏเริ่มปฏิบัติการโจมตีแบบจำกัดเพื่อหยุดยั้งการโจมตีดังกล่าว แต่สถานการณ์กลับบานปลายเมื่อกองกำลังรัฐบาลเริ่มถอยร่น
*28 พ.ย. - การโจมตีขยายวงกว้าง
การโจมตีของกลุ่มกบฏขยายวงกว้างไปถึงพื้นที่ชนบทในเมืองอิดลิบ ท่ามกลางรายงานว่ากองกำลังรัฐบาลกำลังถอยร่น
*29 พ.ย. - กลุ่มกบฏรุกคืบเข้าอเลปโป
กลุ่มกบฏบุกเข้าเมืองอเลปโป ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของซีเรีย นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ถูกกองทัพรัฐบาลซีเรียขับไล่เมื่อปี 2559 จากการปฏิบัติการทางทหารของกองกำลังรัฐบาลซีเรียที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียและอิหร่าน แต่ครั้งนี้พวกเขาเผชิญกับการต่อต้านเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
*30 พ.ย. - อเลปโปตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มกบฏ
กลุ่มกบฏซีเรียประกาศความสำเร็จในการบุกยึดเมืองอเลปโป พร้อมชักธงขึ้นเหนือป้อมปราการของเมือง และเข้าควบคุมสนามบินนานาชาติ ขณะที่กองทัพซีเรียแถลงว่ากำลังจัดกำลังพลและอาวุธเพื่อเตรียมตอบโต้
ภายในช่วงเย็น กลุ่มกบฏยังบุกยึดเมืองอีกอย่างน้อย 4 แห่งในจังหวัดฮามาทางตอนกลางของประเทศ และอ้างว่าสามารถเข้าถึงเขตเมืองหลวงของฮามาได้แล้ว
*1 ธ.ค. - กองกำลังรัฐบาลโต้กลับ
กองทัพซีเรียดำเนินปฏิบัติการตอบโต้ ด้วยการส่งกำลังพลและระดมโจมตีทางอากาศในเมืองอิดลิบและอเลปโป อับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เดินทางเยือนกรุงดามัสกัส พร้อมให้คำมั่นว่าอิหร่านพร้อมสนับสนุนการตอบโต้ครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ปธน.อัสซาดแทบไม่ได้รับความช่วยเหลือจากชาติพันธมิตร เนื่องจากรัสเซียกำลังยุ่งกับสงครามในยูเครน และกองกำลังที่อิหร่านสนับสนุนในภูมิภาคนี้ก็อ่อนกำลังลงจากการถูกโจมตีทางอากาศต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ซึ่งเคยส่งนักรบหลายพันคนมาเสริมกำลังให้กองกำลังของปธน.อัสซาด ก็ประสบปัญหาจากความขัดแย้งกับอิสราเอลที่ยืดเยื้อ
*2-4 ธ.ค. - การสู้รบดุเดือดใกล้ฮามา
กองกำลังกบฏรุกคืบลงใต้ บุกเข้าไปใกล้ฮามา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ของซีเรีย และเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ห่างจากกรุงดามัสกัสไปทางเหนือประมาณ 200 กิโลเมตร สื่อของรัฐบาลรายงานว่าเกิดการปะทะกันอย่างดุเดือดในพื้นที่ โดยทั้งสื่อของรัฐและกลุ่มสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนแห่งซีเรีย (SOHR) ที่มีฐานอยู่ในสหราชอาณาจักร รายงานว่ากองกำลังของรัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากการโจมตีทางอากาศของรัสเซียสามารถยึดคืนพื้นที่บางส่วนได้
*5 ธ.ค. - กบฏซีเรียบุกยึดฮามา
หลังการสู้รบต่อเนื่องหลายวัน กองกำลังกบฏซีเรียได้ขับไล่ทหารรัฐบาลออกจากเมืองฮามา นักรบหลายสิบคนยิงปืนขึ้นฟ้าเฉลิมฉลองชัยชนะที่จัตุรัสอัสซี ซึ่งเคยเป็นสถานที่ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ในช่วงแรกของการลุกฮือในปี 2554 กองทัพซีเรียแถลงว่าได้ถอนกำลังออกนอกเมืองเพื่อปกป้องชีวิตพลเรือน
*6 ธ.ค. - กลุ่มกบฏรุกคืบเข้าเมืองฮอมส์
กองกำลังกบฏกำลังรุกคืบอย่างรวดเร็ว โดยได้บุกยึดสองเมืองที่ตั้งอยู่รอบนอกเมืองฮอมส์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของซีเรีย ฮอมส์ตั้งอยู่ห่างจากเมืองฮามาไปทางใต้ราว 40 กิโลเมตร และเป็นประตูสู่กรุงดามัสกัส อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของโรงกลั่นน้ำมันของรัฐแห่งหนึ่งของซีเรีย หากยึดเมืองนี้ได้จะทำให้เส้นทางเชื่อมต่อระหว่างกรุงดามัสกัสซึ่งเป็นฐานอำนาจของปธน.อัสซาด กับพื้นที่ชายฝั่งที่เขาได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางถูกตัดขาด
อย่างไรก็ดี รัฐบาลปฏิเสธรายงานที่ว่ากองทัพของรัฐบาลได้ถอนกำลังออกจากเมืองแล้ว
*7 ธ.ค. - เมืองฮอมส์แตก สั่นคลอนระบอบอัสซาด
กองกำลังกบฏซีเรียยึดเมืองฮอมส์ได้สำเร็จ หลังจากกองกำลังรัฐบาลถอนทัพ กลุ่มกบฏประกาศว่าได้ล้อมกรุงดามัสกัสไว้แล้ว และกำลังดำเนินการใน "ขั้นสุดท้าย" ของการโจมตีครั้งนี้ ซึ่งส่งผลให้อำนาจการปกครอง 24 ปีของปธน.อัสซาด เริ่มสั่นคลอน
เกียร์ เปเดอร์เซน ผู้แทนพิเศษของ UN ประจำซีเรีย พยายามจัดเจรจาเร่งด่วนที่นครเจนีวาเพื่อรับรองว่าจะเกิด "การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองที่สงบเรียบร้อย" ขณะเดียวกัน สื่อรัฐบาลซีเรียปฏิเสธข่าวลือที่ว่าปธน.อัสซาดได้หนีออกนอกประเทศแล้ว
*8 ธ.ค. - ระบอบอัสซาดล่มสลาย สิ้นสุด 50 ปีแห่งตระกูลอัสซาด
สถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลซีเรียเผยแพร่วิดีโอแถลงการณ์ของชายกลุ่มหนึ่งที่ระบุว่า ปธน.อัสซาดถูกโค่นล้มแล้ว และนักโทษทั้งหมดได้รับการปล่อยตัว อาบู โมฮัมเหม็ด อัล-โกลานี แกนนำกลุ่มกบฏได้ไปที่มัสยิดอุมัยยัดในกรุงดามัสกัส และประกาศว่าการล่มสลายของอัสซาดถือเป็นชัยชนะของ "ชาติอิสลาม"
เจ้าหน้าที่รัสเซียและสถานีโทรทัศน์ของรัฐอิหร่านรายงานว่า อัสซาดได้เดินทางออกจากซีเรียแล้ว ต่อมาสำนักข่าวของรัฐบาลรัสเซียรายงานว่าเขาและครอบครัวลี้ภัยอยู่ในกรุงมอสโก
ด้านโมฮัมเหม็ด กาซี อัล-จาลาลี นายกรัฐมนตรีซีเรีย กล่าวว่า รัฐบาลซีเรียพร้อมที่จะ "ยื่นมือ" ให้กับฝ่ายค้านและส่งมอบอำนาจหน้าที่ให้กับรัฐบาลเฉพาะกาลต่อไป