นาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่ถูกจำคุกอยู่ในปัจจุบัน กล่าวว่า ตนตกเป็นเหยื่อแผนสมคบคิดที่สหรัฐฯ อยู่เบื้องหลัง โดยร่วมมือกับพรรคฝ่ายค้านมาเลเซียเพื่อใส่ร้ายเขาในคดี 1MDB ที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
อดีตนายกฯ ซึ่งรับโทษจำคุก 6 ปีในคดีทุจริตจากการยักยอกเงินกองทุน 1MDB ยังต้องเผชิญคดีอื่น ๆ อีกหลายคดีที่เชื่อมโยงกับเรื่องอื้อฉาวทางการเงินครั้งนี้ ซึ่งส่งผลให้เขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งปี 2561
ระหว่างขึ้นให้การต่อสู้คดีในวันนี้ (9 ธ.ค.) นาจิบซึ่งเผชิญข้อหาฟอกเงินและใช้อำนาจในทางมิชอบ 25 กระทง เกี่ยวกับการยักยอกเงิน 2.27 พันล้านริงกิต (ประมาณ 510.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากกองทุน 1MDB นั้น แถลงต่อศาลสูงกรุงกัวลาลัมเปอร์ว่าได้ "พยายามทุกวิถีทาง" เพื่อรวบรวมหลักฐานพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน
นาจิบเผยว่า ความพยายามดังกล่าวรวมถึงการขอคำสั่งศาลสหรัฐฯ เพื่อเรียกธนาคารโกลด์แมน แซคส์ และทิม ไลส์เนอร์ อดีตผู้บริหารระดับสูงประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของธนาคารฯ ผู้เกี่ยวพันกับการออกพันธบัตรมูลค่า 6.5 พันล้านดอลลาร์ในนามกองทุน 1MDB ช่วงปี 2555-2556 เข้าให้การ
อย่างไรก็ตาม นาจิบอ้างว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ได้เข้าแทรกแซงขัดขวางความพยายามของเขาในการนำเสนอหลักฐานที่เขาอ้างว่าจะหักล้าง "ข้อกล่าวหาเลื่อนลอย" ในคดีริบทรัพย์ทางแพ่งต่าง ๆ รวมถึงคดีของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ในปี 2559 ที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวู้ดเรื่อง The Wolf of Wall Street
"ผมยังเชื่อว่าการริบทรัพย์ครั้งนี้มีแรงจูงใจทางการเมือง และถูกวางแผนโดยความร่วมมือระหว่างพรรคเดโมแครตของสหรัฐฯ และพรรคฝ่ายค้านมาเลเซียในขณะนั้น เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในมาเลเซีย" นาจิบกล่าว