ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ซึ่งกำลังจะพ้นจากตำแหน่ง กล่าวเมื่อวันอังคาร (10 ธ.ค.) ว่า แผนเศรษฐกิจของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งต่อจากเขานั้น นับเป็น "หายนะ"
ไบเดนระบุว่า การที่ทรัมป์ขู่ที่จะเก็บภาษีศุลกากรในอัตราสูงสำหรับสินค้านำเข้านั้นถือเป็น "ความผิดพลาดครั้งใหญ่" พร้อมท้าทายให้ทรัมป์สานต่อความสำเร็จที่ไบเดนกล่าวว่าเกิดจากการบริหารงานของตน
สำนักข่าวเอเอฟพี (AFP) รายงานว่า ไบเดนได้กล่าวสุนทรพจน์เพื่อยกย่องผลงานของตนเอง หลังจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งสมัยที่สอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความไม่พอใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้งต่อค่าครองชีพที่ระดับสูงภายใต้การบริหารของพรรคเดโมแครต
"ผมขอภาวนาให้ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่โยนโครงการ 2568 (Project 2025) ทิ้งไป ผมคิดว่านั่นจะเป็นหายนะทางเศรษฐกิจสำหรับเราและภูมิภาคนี้" ไบเดนกล่าวที่สถาบันบรูกกิงส์ (Brookings Institution) ในกรุงวอชิงตัน โดยระบุถึงโครงการอนุรักษ์นิยมสำหรับการบริหารงานในสมัยที่สองของทรัมป์
ไบเดนกล่าวว่า ผู้บริโภคสหรัฐจะต้องแบกรับผลกระทบจากภาษีศุลกากรที่ทรัมป์ตั้งใจจะเรียกเก็บจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเม็กซิโกและแคนาดา รวมถึงจีนที่เป็นคู่แข่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
"ผมเชื่อว่าแนวทางนี้เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่" ไบเดนกล่าวเสริม
ด้านเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ กล่าวว่า ภาษีศุลกากรของทรัมป์อาจส่งผลกระทบต่อความก้าวหน้าที่เราทำไว้ในด้านเงินเฟ้อ และอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
เยลเลนกล่าวในการประชุม CEO Council Summit ของวอลล์สตรีท เจอร์นัล (Wall Street Journal) ว่า การเก็บภาษีศุลกากรอย่างกว้างขวางอาจทำให้ราคาสินค้าสำหรับผู้บริโภคสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก และสร้างแรงกดดันให้กับบรรดาบริษัทที่ต้องพึ่งพาการนำเข้า
ทั้งนี้ ทำเนียบขาวได้ยกย่องสุนทรพจน์ของไบเดนว่าเป็น "การกล่าวสุนทรพจน์ครั้งสำคัญเกี่ยวกับผลงานทางเศรษฐกิจของเขา" โดยไบเดน วัย 82 ปี เหลือเวลาอีกไม่ถึง 6 สัปดาห์ก่อนจะพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ