อิสราเอลเปิดเผยในวันอาทิตย์ (15 ธ.ค.) ว่า ทางการอิสราเอลจะปิดสถานทูตอิสราเอลในกรุงดับลินของไอร์แลนด์ เพราะไอร์แลนด์มี "นโยบายต่อต้านอิสราเอลสุดโต่ง" ซึ่งรวมถึงการรับรองปาเลสไตน์เป็นรัฐและสนับสนุนให้มีการดำเนินการทางกฎหมายในระดับนานาชาติต่ออิสราเอลกรณีสงครามในฉนวนกาซา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อิสราเอลเรียกตัวเอกอัครราชทูตกลับหลังไอร์แลนด์ตัดสินใจเรื่องรัฐปาเลสไตน์ในเดือนพ.ค. และยิ่งไม่พอใจมากขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อทางการไอร์แลนด์สนับสนุนการฟ้องร้องอิสราเอลต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
กระทรวงต่างประเทศอิสราเอลกล่าวในแถลงการณ์ว่า "การตัดสินใจปิดสถานทูตอิสราเอลในกรุงดับลินพิจารณาจากนโยบายต่อต้านอิสราเอลสุดโต่งของรัฐบาลไอร์แลนด์"
กิเดียน ซาอาร์ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอิสราเอล กล่าวว่า "ความเคลื่อนไหวและถ้อยคำต่อต้านชาวยิวที่ไอร์แลนด์กระทำต่ออิสราเอลมีรากฐานมาจากการเพิกเฉยต่อความเป็นธรรมและการสาดโคลนให้อิสราเอลกลายเป็นมารร้าย ตลอดจนการปฏิบัติแบบสองมาตรฐาน ไอร์แลนด์ได้ล้ำเส้นทุกเส้นในความสัมพันธ์กับอิสราเอล"
ด้านไซมอน แฮร์ริส นายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจยิ่ง และไอร์แลนด์จะยืนหยัดเพื่อสิทธิมนุษยชนและกฎหมายสากลเสมอ โดยเขาระบุผ่านโพสต์บนเอ็กซ์ (X) ว่า "ผมขอปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ว่าไอร์แลนด์ต่อต้านอิสราเอล ไอร์แลนด์สนับสนุนสันติภาพ สิทธิมนุษยชน และกฎหมายระหว่างประเทศ ... ไอร์แลนด์ต้องการให้แก้ไขปัญหาตามแนวทางสองรัฐ (two-state solution) และชาวปาเลสไตน์ต้องได้มีชีวิตอย่างสันติและปลอดภัย"
มีฮอล มาร์ติน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของไอร์แลนด์ กล่าวว่า ทั้งสองประเทศจะรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตต่อไป และไม่มีแผนจะปิดสถานทูตของไอร์แลนด์ในอิสราเอล