รัฐบาลกลางแคนาดาประกาศในวันอังคาร (17 ธ.ค.) เกี่ยวกับแผนการใหม่ในการยกระดับความปลอดภัยชายแดนและส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบการตรวจคนเข้าเมือง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองต่อคำขู่ของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าแคนาดาทุกชนิดที่ 25% เว้นแต่ว่า แคนาดาจะสามารถยุติการอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย และการลักลอบขนเฟนทานิลซึ่งเป็นยาเสพติดกลุ่มยาโอปิออยด์ (opioid) เข้าสู่ดินแดนของสหรัฐฯ
รายงานที่เผยแพร่โดยสำนักงานความปลอดภัยสาธารณะของแคนาดาระบุว่า แผนใหม่นี้ประกอบด้วย 5 เสาหลัก อันได้แก่ การตรวจจับและขัดขวางการค้าเฟนทานิล การจัดหาเครื่องมือใหม่สำหรับการบังคับใช้กฎหมาย การเสริมสร้างการประสานงานด้านปฏิบัติการ การเพิ่มการแบ่งปันข้อมูล และการลดปริมาณการข้ามพรมแดนที่ไม่จำเป็น
โดมินิค เลอบลองค์ รัฐมนตรีคลังแคนาดากล่าวว่า "นี่เป็นขั้นตอนสำคัญในการแสดงให้ชาวแคนาดาและพันธมิตรอเมริกาเห็นว่า เรามีความวิตกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยชายแดนและบูรณภาพของชายแดนร่วมกัน" และระบุเสริมว่า เขาสนับสนุนให้มีการเจรจากันมากขึ้นกับคณะบริหารชุดใหม่ของว่าที่ปธน.ทรัมป์
นอกจากนี้ รายงานเศรษฐกิจประจำฤดูใบไม้ร่วงเมื่อวันจันทร์ (16 ธ.ค.) ยังเผยอีกว่า รัฐบาลกลางได้จัดสรรเงิน 1.3 พันล้านดอลลาร์แคนาดา (907 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เป็นระยะเวลา 6 ปี เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงชายแดนสหรัฐฯ-แคนาดา