สำนักงานความปลอดภัยด้านการขนส่งของสหรัฐฯ (TSA) เตือนว่า หากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ถูกปิดดำเนินการ หรือชัตดาวน์ อัน เนื่องมาจากขาดแคลนงบประมาณ ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในสนามบินต่าง ๆ ของสหรัฐฯ โดยอาจทำให้ผู้โดยสารต้องรอคิวที่สนามบินนานขึ้น
TSA ซึ่งรับผิดชอบการตรวจสอบความปลอดภัยในสนามบิน ระบุว่า เจ้าหน้าที่ประมาณ 59,000 คน จากทั้งหมด 62,000 คน ถือเป็นบุคลากรที่จำเป็นและจะต้องทำงานต่อไปโดยไม่ได้รับค่าจ้าง หากมีการชัตดาวน์หน่วยงานในวันเสาร์นี้ (21 ธ.ค.) เว้นแต่ว่ารัฐบาลจะสามารถบรรลุข้อตกลงด้านงบประมาณได้
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศและเจ้าหน้าที่ TSA อยู่ในกลุ่มบุคลากรของรัฐที่ต้องปฏิบัติงานต่อไปโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน หาหน่วยงานถูกชัตดาวน์
"แม้ว่าบุคลากรของเราพร้อมรับมือกับจำนวนผู้โดยสารที่มากขึ้น และรับรองความปลอดภัยในการเดินทาง แต่เราต้องแจ้งให้ทราบว่าหากการชัตดาวน์ยืดเยื้อ ก็อาจทำให้เวลารอคิวในสนามบินยาวนานขึ้น" เดวิด เพคอสกี ผู้บริหาร TSA กล่าวผ่านโซเชียลมีเดีย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า TSA อาจจะต้องทำการตรวจสอบความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ถึง 40 ล้านคนในช่วงเทศกาลวันหยุดที่กำลังจะมาถึง หลังจากที่เพิ่งสร้างสถิติสูงสุดในช่วงวันขอบคุณพระเจ้า
หากสมาชิกสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับงบประมาณได้ สำนักงานการบินแห่งสหรัฐฯ (FAA) อาจจะต้องให้พนักงานกว่า 17,000 คนหยุดงานชั่วคราว และระงับการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ
ทั้งนี้ เมื่อปี 2562 การชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นเวลา 35 วัน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศและเจ้าหน้าที่ TSA ขาดงานจำนวนมาก เนื่องจากไม่ได้รับเงินเดือน และผู้โดยสารต้องเสียเวลารอตรวจนานขึ้นในหลายสนามบิน จนทำให้ FAA ต้องลดจำนวนเที่ยวบิน ซึ่งสถานการณ์นี้เป็นแรงผลักดันให้สมาชิกสภาคองเกรสยุติความขัดแย้งในช่วงเวลาดังกล่าว