มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความวิตกกังวลและความไม่แน่นอน ก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ในวันที่ 20 ม.ค. ปีหน้า โดยมหาวิทยาลัยบางแห่งแนะนำให้นักศึกษาต่างชาติเดินทางกลับมาจากช่วงปิดเทอมฤดูหนาวให้เร็วขึ้น เนื่องจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าอาจจะมีการใช้มาตรการห้ามเดินทางอีกครั้ง เหมือนเมื่อครั้งที่นักศึกษาเคยติดค้างอยู่ในต่างประเทศในช่วงที่ทรัมป์เริ่มเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยแรก
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะใช้นโยบายตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดมากขึ้นเมื่อเขากลับสู่ทำเนียบขาว ซึ่งนโยบายดังกล่าวรวมถึงการขยายการบังคับใช้คำสั่งห้ามเดินทางที่เขาเคยนำมาใช้กับประชาชนจากประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม และการเพิกถอนวีซ่านักเรียนต่างชาติที่มีพฤติกรรมต่อต้านอเมริกาและต่อต้านยิวอย่างรุนแรง โดยสหรัฐฯ มีนักศึกษาต่างชาติลงทะเบียนเรียนในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย มากกว่า 1.1 ล้านคนในปีการศึกษา 2566-2567
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ได้ออกคำแนะนำว่า "นักศึกษาที่เดินทางไปต่างประเทศควรกลับมาก่อนเปิดภาคเรียนฤดูใบไม้ผลิในวันที่ 21 ม.ค.ปีหน้า หรือติดต่อกับอาจารย์ที่ปรึกษาเกี่ยวกับแผนการเดินทางของคุณ และขอให้คุณเตรียมพร้อมรับมือกับความล่าช้า"
"การห้ามเดินทางมีแนวโน้มที่จะมีผลบังคับใช้ทันทีหลังจากทรัมป์เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง คำสั่งห้ามนี้น่าจะรวมถึงพลเมืองจากประเทศที่ถูกขึ้นบัญชีในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ซึ่งได้แก่ คีร์กีซสถาน ไนจีเรีย เมียนมา ซูดาน แทนซาเนีย อิหร่าน ลิเบีย เกาหลีเหนือ ซีเรีย เวเนซุเอลา เยเมน และโซมาเลีย และอาจมีประเทศใหม่เพิ่มอีก โดยเฉพาะจีนและอินเดีย" มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ระบุในคำเตือนถึงนักศึกษา
ส่วนมหาวิทยาลัยเซาท์เทิร์นแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีนักศึกษาต่างชาติกว่า 17,000 คนในปีการศึกษาที่ผ่านมานั้น ฝ่ายบริหารของมหาวิทยาลัยได้ส่งข้อความถึงนักศึกษาต่างชาติผ่านทางอีเมล โดยขอให้นักศึกษาเหล่านี้กลับมายังสหรัฐฯ หนึ่งสัปดาห์ก่อนที่ทรัมป์จะกลับเข้าทำเนียบขาว โดยระบุว่ารัฐบาลทรัมป์อาจจะออกคำสั่งบริหารเพิ่มเติม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเดินทางและการดำเนินการเกี่ยวกับการออกวีซ่า