โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกโรงเข้าข้าง อีลอน มัสก์ ด้วยการกล่าวสนับสนุนโครงการ H-1B ซึ่งเป็นวีซ่าที่ออกให้กับแรงงานชาวต่างชาติที่มีทักษะสูงให้เข้ามาทำงานและอาศัยในสหรัฐฯ ได้ ซึ่งเรื่องนี้กำลังเป็นประเด็นความความขัดแย้งอย่างดุเดือดระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ที่แตกออกเป็นสองฝ่าย
ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับนิวยอร์กโพสต์ว่า "ผมชอบวีซ่านี้มาแต่ไหนแต่ไร ผมสนับสนุนวีซ่านี้มาตลอด" พร้อมระบุว่า "ผมเชื่อมั่นในวีซ่า H-1B ผมใช้มันมาหลายครั้งแล้ว มันเป็นโครงการที่ยอดเยี่ยม"
ทั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ทรัมป์แสดงความเห็นดังกล่าวต่อสาธารณะนับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างมัสก์กับผู้สนับสนุนทรัมป์ที่ต่อต้านแรงงานอพยพได้ปะทุขึ้นอย่างรุนแรง
การปะทะคารมกันทางออนไลน์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเผยให้เห็นถึงรอยร้าวในกลุ่มพันธมิตรของทรัมป์ก่อนที่เขาจะทำพิธีสาบานจนเข้ารับตำแหน่งในทำเนียบขาวอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม โดยมัสก์และผู้นำธุรกิจคนอื่น ๆ มองว่าโครงการวีซ่ามีความจำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ แต่กลุ่มที่ต่อต้านผู้อพยพอย่างรุนแรง เช่น ลอรา ลูเมอร์ นักเคลื่อนไหวขวาจัด และสตีเฟน เค. แบนนอน อดีตที่ปรึกษาของทรัมป์ กล่าวว่า ระบบดังกล่าวทำให้บริษัทต่าง ๆ สามารถแสวงหาประโยชน์จากแรงงานต่างชาติราคาถูกโดยไม่คำนึงถึงชาวอเมริกัน
นโยบายจำกัดจำนวนผู้อพยพอย่างเข้มงวดเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนโดยเขาประกาศว่าจะเนรเทศผู้อพยพทั้งหมดที่ไม่มีเอกสาร และจำกัดจำนวนผู้อพยพที่เข้าประเทศอย่างถูกกฎหมาย
อย่างไรก็ดี บรรดาผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยี เช่น อีลอน มัสก์ แห่งเทสลา รวมถึงวิเวก รามาสวามี ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานร่วมคณะกรรมการลดต้นทุนของรัฐบาลทรัมป์ ได้ออกมาประสานเสียงร่วมกันว่า สหรัฐฯ ผลิตบัณฑิตที่มีทักษะสูงน้อยเกินไป และพวกเขาสนับสนุนโครงการวีซ่า H1-B
เมื่อวันพฤหัสบดี (26 ธ.ค.) มัสก์ ซึ่งอพยพมาจากแอฟริกาใต้ด้วยวีซ่า H1-B โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ของเขาว่า การดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถด้านวิศวกรรมระดับสูงจากต่างประเทศนั้นมีความสำคัญ "เพื่อให้สหรัฐอเมริกาชนะต่อไป"
เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจอย่างมากแก่บรรดาแกนนำกลุ่มหัวอนุรักษ์นิยมหลายคนซึ่งสนับสนุนทรัมป์มานานก่อนมัสก์ โดยกลุ่มผู้สนับสนุนเหล่านี้กล่าวว่า ทรัมป์ควรส่งเสริมแรงงานชาวอเมริกันและจำกัดการย้ายถิ่นฐานให้มากขึ้น