สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานในวันนี้ (13 ม.ค.) ว่า ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่กำลังจะพ้นวาระ เสนอเพิ่มงบประมาณกลาโหมอีกราว 5 หมื่นล้านดอลลาร์จากประมาณการเดิมปี 2569 ซึ่งอาจทำให้งบกลาโหมพุ่งทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
จดหมายลงวันที่ 27 พ.ย. ถึงสำนักงานบริหารและงบประมาณที่บลูมเบิร์กได้เห็นมาระบุว่า ออสตินแนะนำให้รัฐบาลชุดใหม่ของประธานาธิบดีคนต่อไปอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ พิจารณาแผนงบกลาโหม 5 ปี โดยเริ่มที่ 9.265 แสนล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2569 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 8.768 แสนล้านดอลลาร์
"ผมยังคงยืนยันว่า หากต้องการบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ของเรา จำเป็นต้องมีการเติบโตที่แท้จริง" เหนืออัตราเงินเฟ้อ "และต้องลงทุนใหม่อย่างต่อเนื่องในช่วงปีงบประมาณ 2569-2573" ออสตินเขียนในจดหมาย ตามรายงานของบลูมเบิร์ก
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยื่นของบกลาโหมและความมั่นคงปี 2568 เมื่อมี.ค.ปีที่แล้ว โดยเพิ่มจากปีก่อนเพียง 1% ตามข้อตกลงงบประมาณ 2 ปีที่ทำไว้กลางปี 2566 ซึ่งจำกัดการเพิ่มงบไว้ที่ 1%
ข้อจำกัดนี้ทำให้หลายโครงการต้องชะลอตัว รวมถึงการเติมเต็มคลังอาวุธที่ร่อยหรอจากสงครามในยูเครนและอิสราเอล
จดหมายฉบับเดียวกันนี้ยังเสนอกรอบวงเงินงบประมาณ 9.728 แสนล้านดอลลาร์สำหรับปีงบประมาณ 2570 และกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2571 ขณะที่บลูมเบิร์กรายงานว่า วงเงินจะยังคงสูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อเนื่องในปี 2572 และ 2573
อย่างไรก็ตาม งบที่ออสตินเสนอนี้ไม่รวมความช่วยเหลือแก่อิสราเอลและยูเครน แต่จำกัดเฉพาะงบเพนตากอนเท่านั้น
ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าทรัมป์จะรับข้อเสนอนี้ของออสตินหรือไม่
ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ประเทศสมาชิกนาโตควรจัดสรรงบกลาโหมให้คิดเป็น 5% ของ GDP ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายปัจจุบันที่ 2% อยู่มาก