เจ้าชายอับดุลอาซิส บิน ซัลมาน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบีย ทรงเปิดเผยในวันนี้ (13 ม.ค.) ว่า ซาอุดีอาระเบียมีแผนจะหารายได้จากแร่ธาตุต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการจำหน่ายยูเรเนียม
เจ้าชายอับดุลอาซิส ตรัสในการแถลงข่าวว่าในเมืองดาห์รานว่า "เราจะเสริมสมรรถภาพยูเรเนียมและขาย และทำเค้กเหลือง (yellowcake)" ซึ่งเค้กเหลืองที่ว่านี้หมายถึง ผงแร่เข้มข้นที่ใช้สำหรับการเตรียมเชื้อเพลิงยูเรเนียมสำหรับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ โดยแร่ชนิดนี้ต้องได้รับการจัดการอย่างระมัดระวัง แม้จะมีความเสี่ยงจากรังสีเพียงเล็กน้อยก็ตาม
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ซาอุดีอาระเบียมีโครงการนิวเคลียร์ระยะเริ่มต้นและต้องการขยายโครงการให้ครอบคลุมถึงการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม ซึ่งเป็นขอบเขตที่ละเอียดอ่อนเนื่องจากความสามารถในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งทางการซาอุฯ ระบุว่า ต้องการใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสร้างความหลากหลายทางพลังงาน
ทั้งนี้ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ความทะเยอทะยานด้านนิวเคลียร์ของซาอุฯ จะไปสิ้นสุดลงที่ใด เนื่องจากมกุฏราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน เคยกล่าวไว้ในปี 2561 ว่า ซาอุฯ จะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ หากคู่แข่งในภูมิภาคอย่างอิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ด้วยเช่นกัน
ขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งเป็นประเทศแรกในโลกอาหรับที่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบหลายหน่วย ให้คำมั่นว่า จะไม่เสริมสมรรถนะยูเรเนียมและไม่รีไซเคิลเชื้อเพลิงใช้แล้ว
ทางการซาอุฯ กล่าวเมื่อปีที่แล้วว่า ซาอุฯ มีแผนจะยกเลิกการกำกับดูแลโรงงานนิวเคลียร์โดยหน่วยงานกำกับดูแลด้านนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ (UN) ที่ไม่ค่อยเข้มงวด และเปลี่ยนมาใช้มาตรการดูแลความปลอดภัยตามปกติแทนในช่วงสิ้นปี 2567
นอกจากนี้ ทางการซาอุฯ ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เครื่องแรก ซึ่งจะทำให้โครงการของประเทศยังคงสามารถถูกตรวจสอบได้ภายใต้ข้อตกลงการผลิตปริมาณน้อย (SQP) ซึ่งเป็นข้อตกลงกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ที่ยกเว้นให้ประเทศที่มีความก้าวหน้าน้อยกว่าไม่มีภาระผูกมัดจากการรายงานและการตรวจสอบต่าง ๆ