สก็อตต์ เบสเซนต์ ซึ่งได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ โดยโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนดอลลาร์ให้ยังคงเป็นสกุลเงินหลักในระบบทุนสำรองของโลก นอกจากนี้ เขายังแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจในยุคของทรัมป์ว่าเป็น "ยุคทองของเศรษฐกิจใหม่"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เบสเซนต์ได้แถลงกับคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ ในวันพุธ (15 ม.ค.) ว่า คณะบริหารชุดใหม่ของทรัมป์จะให้ความสำคัญกับการลงทุนที่สร้างผลผลิตทางเศรษฐกิจมากกว่าการใช้จ่ายฟุ่มเฟือนที่จะส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น
"เราจะสร้างความมั่นคงให้กับห่วงโซ่อุปทาน เพื่อไม่ให้กลายเป็นจุดอ่อนที่คู่แข่งจะสามารถแซงหน้าได้ และเราจะระมัดระวังในการใช้มาตรการคว่ำบาตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางที่รัฐบาลชุดใหม่จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อความมั่นคงของชาติ และที่สำคัญ เราต้องทำให้แน่ใจว่าดอลลาร์จะยังเป็นสกุลเงินหลักในระบบทุนสำรองของโลกต่อไป" เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม เบสเซนต์ซึ่งสนับสนุนแผนการกำหนดภาษีศุลกากรในอัตราที่สูงขึ้นของทรัมป์ ไม่ได้กล่าวเจาะจงถึงจีนในถ้อยแถลงของเขาแต่อย่างใด แต่ก่อนหน้านี้เขาเคยกล่าวว่า แนวทางการค้าของจีนกำลังบ่อนทำลายอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ทรัมป์ขู่ว่าจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 60% และจัดเก็บภาษีนำเข้าจากทั่วโลก 10% นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า เขาจะจัดเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% จนกว่าทั้งสองประเทศจะจัดการไม่ให้ผู้อพยพผิดกฎหมายและยาเสพติดเฟนทานิลไหลเข้าสู่สหรัฐฯ