สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในวันจันทร์ (20 ม.ค.) โดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า รัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้มีคำสั่งยกเลิกเที่ยวบินของผู้ลี้ภัยชาวอัฟกานิสถานจำนวนเกือบ 1,660 คนที่ผ่านการอนุมัติให้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในสหรัฐฯ โดยคำสั่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการระงับโครงการผู้ลี้ภัยของสหรัฐฯ สร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวอัฟกานิสถานและผู้สนับสนุนสิทธิผู้ลี้ภัยเป็นอย่างมาก
กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบรวมถึงผู้เยาว์ที่เดินทางมาลำพังเพื่อรอพบกับครอบครัว ชาวอัฟกานิสถานที่เสี่ยงต่อการถูกกลุ่มตาลีบันแก้แค้นเนื่องจากเคยร่วมรบกับรัฐบาลอัฟกานิสถานที่สหรัฐฯ เคยให้การสนับสนุน และสมาชิกครอบครัวของทหารอเมริกันที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในขณะนี้
ชาวอัฟกานิสถานจำนวนมากที่ได้รับการอนุมัติให้เป็นผู้ลี้ภัยในสหรัฐฯ ถูกถอดชื่อออกจากรายชื่อผู้โดยสารเที่ยวบินที่จะเดินทางจากกรุงคาบูลในช่วงนี้จนถึงเดือนเม.ย. โดยในจำนวนนี้มีสมาชิกครอบครัวของทหารอเมริกันเชื้อสายอัฟกานิสถานเกือบ 200 คน และเด็กที่ไม่มีผู้ปกครองมาด้วยอีกประมาณ 200 คน
การตัดสินใจครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อชาวอัฟกานิสถานอีกหลายพันคนที่ได้รับการอนุมัติให้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในฐานะผู้ลี้ภัย แต่ยังไม่ได้รับกำหนดเที่ยวบิน ทำให้พวกเขาต้องตกอยู่ในสถานะที่ไม่แน่นอน
"ชาวอัฟกานิสถานและผู้ที่คอยช่วยเหลือต่างก็ตื่นตระหนกกันไปหมด วันนี้ผมต้องชาร์จแบตโทรศัพท์ไปแล้วถึง 4 รอบ เพราะมีคนโทรเข้ามาเยอะมาก" ชอว์น แวนไดเวอร์ หัวหน้ากลุ่มพันธมิตร #AfghanEvac กล่าว "เราเคยเตือนแล้วว่าเรื่องแบบนี้จะต้องเกิดขึ้น แต่พวกเขาก็ยังเดินหน้าต่อ เราได้แต่หวังว่าพวกเขาจะทบทวนการตัดสินใจนี้อีกครั้ง"
ทั้งนี้ การสกัดผู้ลี้ภัยเป็นหนึ่งในนโยบายหลักที่ทรัมป์ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งปี 2567 และหนึ่งในคำสั่งของฝ่ายบริหารที่ทรัมป์จะลงนามคือการระงับโครงการผู้ลี้ภัยของสหรัฐฯ เป็นเวลาอย่างน้อย 4 เดือน
อนึ่ง กลุ่มพันธมิตร #AfghanEvac เป็นองค์กรหลักที่ทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ ในการช่วยเหลือและอพยพชาวอัฟกานิสถานมาตั้งถิ่นฐานในสหรัฐฯ นับตั้งแต่ที่กลุ่มตาลีบันเข้ายึดกรุงคาบูลเมื่อเดือนส.ค. 2564 โดยรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ให้ความช่วยเหลือชาวอัฟกานิสถานมายังสหรัฐฯ แล้วเกือบ 200,000 คน