ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารในวันจันทร์ (20 ม.ค.) เพื่อถอนสหรัฐฯ ออกจากความตกลงปารีส (Paris Agreement) โดยนับเป็นครั้งที่ 2 ที่สหรัฐฯ ถอนตัวจากความตกลงดังกล่าว
ในการกล่าวสุนทรพจน์ระหว่างพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ปธน.ทรัมป์ ซึ่งมองว่าพลังงานสะอาดมีราคาแพงและสิ้นเปลืองนั้น ได้ประกาศว่าจะเร่งขุดเจาะและใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล พร้อมกับเน้นย้ำว่า "ผมจะประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานแห่งชาติ เราจะขุดเจาะและขุดเจาะต่อไป"
"เรามีสิ่งที่ประเทศผู้ผลิตอื่นไม่มี นั่นคือ ปริมาณน้ำมันและก๊าซมากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และเราจะใช้มัน" ปธน.ทรัมป์กล่าว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ความตกลงปารีสซึ่งจัดทำขึ้นเมื่อเดือนธ.ค. 2558 เป็นความพยายามของทั่วโลกในการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนที่เกิดจากมนุษย์และวิกฤตอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยสหรัฐฯ ได้เข้าร่วมอย่างเป็นทางการในเดือนก.ย. 2559
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลทรัมป์สมัยแรกได้นำสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก ถอนตัวออกจากความตกลงปารีสเมื่อเดือนพ.ย. 2563 ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความพยายามของทั่วโลกในการต่อสู้กับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
ทั้งนี้ คำสั่งฝ่ายบริหารล่าสุดของปธน.ทรัมป์จะเป็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีของสหรัฐฯ ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศบนเวทีโลกอีกครั้ง