สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในวันนี้ (22 ม.ค.) โดยอ้างอิงแหล่งข่าวว่า จีนเตรียมกำหนดเพดานรายได้ต่อปีของพนักงานในสถาบันการเงินของรัฐบาลกลางไว้ที่ 1 ล้านหยวนต่อปี ซึ่งถือเป็นการขยายขอบเขตการรณรงค์ต่อต้านการใช้จ่ายเกินตัว ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
รายงานระบุว่า ผู้ที่มีรายได้เกิน 1 ล้านหยวนต่อปีอยู่แล้วจะถูกปรับลดรายได้ โดยเฉพาะผู้บริหารระดับกลางและระดับสูงที่อาจถูกตัดรายได้ลงถึงครึ่งหนึ่ง ภายใต้การปรับโครงสร้างค่าตอบแทนของบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ 27 แห่ง ซึ่งรวมถึงธนาคารใหญ่ทั้ง 5 แห่ง บริษัทประกันชั้นนำ 6 แห่ง และบริษัทบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพอีก 4 แห่ง
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าว 2 จาก 3 รายเปิดเผยว่า การปรับลดรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากการตัดโบนัส โดยการปรับลดรายได้ครั้งใหญ่ที่สุดในภาคการเงินที่มีมูลค่าถึง 67 ล้านล้านดอลลาร์นี้จะเริ่มต้นขึ้นอย่างเร็วที่สุดในเดือนหน้า แม้พนักงานจะยังไม่ได้รับแจ้งถึงเหตุผลก็ตาม
ทั้งนี้ เพดานค่าจ้างดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบาย "ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน" ของรัฐบาลที่เปิดตัวขึ้นในปี 2564 เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมและรายได้ ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลกชะลอตัวลง
นับแต่นั้นมา สถาบันการเงินทั้งภาครัฐและเอกชนต่างทยอยปรับลดเงินเดือนและโบนัส พร้อมทั้งรณรงค์ไม่ให้แสดงออกถึงความมั่งคั่ง เช่น ขอความร่วมมือพนักงานงดใส่เสื้อผ้าและนาฬิการาคาแพง