วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติด้วยเสียงข้างมากในวันพฤหัสบดี (23 ม.ค.) รับรองอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จอห์น แรตคลิฟฟ์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง (CIA) ตามที่ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผลการลงคะแนนอยู่ที่ 74 ต่อ 25 เสียง โดยสมาชิกพรรคเดโมแครต 20 คน และสมาชิกอิสระอีก 1 คน ร่วมกับสมาชิกพรรครีพับลิกันสนับสนุนการแต่งตั้งครั้งนี้
วุฒิสภาภายใต้การนำของพรรครีพับลิกัน เร่งผลักดันการรับรองบุคคลที่ปธน.ทรัมป์เสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในคณะรัฐบาล โดยให้ความสำคัญกับทีมงานด้านความมั่นคงแห่งชาติเป็นลำดับแรก
มาร์โก รูบิโอ อดีตสว. พรรครีพับลิกัน ได้รับการรับรองให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) ซึ่งตรงกับวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของปธน.ทรัมป์ ขณะที่วุฒิสภามีกำหนดลงมติในวันนี้ (24 ม.ค.) เพื่อพิจารณาการเสนอชื่อพีท เฮกเซธ อดีตผู้ประกาศข่าวช่องฟ็อกซ์นิวส์ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
คณะกรรมาธิการข่าวกรองวุฒิสภาได้กำหนดวันพิจารณาคุณสมบัติในวันที่ 30 ม.ค.นี้ สำหรับอดีตสส. ทุลซี แกบบาร์ด ผู้ที่ปธน.ทรัมป์เสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติในรัฐบาลทรัมป์สอง
สมาชิกของคณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภาได้สอบถามนายแรตคลิฟฟ์อย่างละเอียดในระหว่างการพิจารณาคุณสมบัติของเขาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าเขาจะไล่พนักงานออกหรือบังคับให้พวกเขาลาออกเนื่องจากความคิดเห็นทางการเมืองหรือความคิดเห็นเกี่ยวกับทรัมป์หรือไม่ เนื่องจากทรัมป์มักวิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานข่าวกรองชั้นนำของสหรัฐฯ และการประเมินของหน่วยงานนั้นอยู่บ่อยครั้ง
ในระหว่างการพิจารณาคุณสมบัติเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สมาชิกคณะกรรมาธิการข่าวกรองวุฒิสภาได้ซักถามแรตคลิฟฟ์อย่างละเอียดว่า เขาจะปลดหรือกดดันให้เจ้าหน้าที่ลาออกด้วยเหตุผลทางความคิดเห็นทางการเมืองหรือมุมมองต่อปธน.ทรัมป์หรือไม่ เนื่องจากผู้นำสหรัฐฯ มักวิพากษ์ตัวหน่วยงานนี้และวิจารณ์การประเมินสถานการณ์ของหน่วยงานอยู่เนือง ๆ
แรตคลิฟฟ์ให้คำมั่นว่าจะไม่กระทำเช่นนั้น และคณะกรรมาธิการได้ลงมติสนับสนุนแรตคลิฟฟ์ด้วยคะแนน 14 ต่อ 3 เสียงในการประชุมวันจันทร์ เป็นการเปิดทางให้วุฒิสภาเต็มคณะพิจารณาในขั้นต่อไป
ทั้งนี้ แรตคลิฟฟ์เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ ซึ่งเป็นตำแหน่งหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับระดับสูงสุดของประเทศ ตั้งแต่เดือนพ.ค. 2563 จนกระทั่งปธน.ทรัมป์พ้นวาระในเดือนม.ค. 2564
ในช่วงการพิจารณาคุณสมบัติ แรตคลิฟฟ์ยังแสดงความมั่นใจว่า สหรัฐฯ มีศักยภาพในการรับมือกับภัยคุกคามจากรัสเซียและจีน พร้อมให้คำมั่นว่าจะสืบสวนกรณีบุคลากรของสหรัฐฯ ที่ป่วยด้วยอาการ "ฮาวานาซินโดรม" ว่าตกเป็นเป้าหมายการโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ และจะพัฒนาขีดความสามารถในการโจมตีทางไซเบอร์