ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันอาทิตย์ (26 ม.ค.) ให้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาประเมินการทำงานของสำนักงานบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (FEMA) แต่ยังไม่มีการตัดสินใจปิดหรือปรับโครงสร้างหน่วยงาน FEMA ในทันที
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คำสั่งฉบับนี้กำหนดให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา โดยมีทั้งผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานรัฐบาลกลาง และ "ผู้ทรงคุณวุฒิ" จากภายนอกที่ปธน.ทรัมป์เป็นผู้เลือกเข้ามาร่วมด้วย ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้สั่งให้คณะกรรมการชุดนี้จัดประชุมเปิดต่อสาธารณะครั้งแรกภายใน 90 วัน และให้ส่งรายงานถึงเขาภายใน 180 วันหลังจากประชุมครั้งแรก
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยพูดถึงไอเดียที่จะยุบ FEMA ตอนที่ไปเยี่ยมพื้นที่ประสบภัยที่รัฐนอร์ทแคโรไลนาและรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อวันศุกร์ (24 ม.ค.) โดยสัญญาว่าจะออกคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อปรับโครงสร้างหรือยุบหน่วยงานนี้
ปธน.ทรัมป์วิจารณ์ว่า FEMA ทำงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่เหล่านั้นได้ไม่ดีพอ และระบุว่าอยากให้แต่ละรัฐได้รับเงินจากรัฐบาลกลางไปบริหารจัดการเรื่องภัยพิบัติกันเอง
ในคำสั่งฝ่ายบริหาร ปธน.ทรัมป์ชี้ว่ามี "ประเด็นน่าเป็นห่วงอย่างมาก" เกี่ยวกับการที่ FEMA มีอคติทางการเมือง อีกทั้งยังนำงบประมาณไปใช้กับโครงการช่วยเหลือผู้อพยพ
ทั้งนี้ FEMA ส่งเจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน เครื่องอุปโภคบริโภค และเครื่องมือต่าง ๆ เข้าไปช่วยฟื้นฟูพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยหน่วยงานนี้ได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะภัยธรรมชาติรุนแรงที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้ต้องเข้าไปช่วยเหลือมากขึ้นตามไปด้วย
แคม แฮมิลตัน รักษาการหัวหน้า FEMA ได้ส่งจดหมายถึงบุคลากรเมื่อวันศุกร์เพื่อให้ความมั่นใจว่า หน่วยงานนี้ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรับมือภัยพิบัติของประเทศ
"FEMA เป็นหน่วยงานสำคัญที่ทำหน้าที่หลักในการดูแลความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ" แฮมิลตันระบุในจดหมาย