คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป (EU) วิจารณ์การเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีน ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยระบุว่า การกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการค้าโลกและเป็นผลเสียต่อทุกภาคส่วน พร้อมให้คำมั่นว่าจะตอบโต้หาก EU ตกเป็นเป้าหมาย
สื่อท้องถิ่นรายงานคำกล่าวของโฆษก EU ว่า "สหภาพยุโรปเสียใจกับการตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่เรียกเก็บภาษีกับแคนาดา เม็กซิโก และจีน" พร้อมกันนี้ โฆษกยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของตลาดที่เปิดกว้างและเคารพต่อกฎระเบียบทางการค้าระหว่างประเทศ โดยระบุว่า กฎระเบียบเหล่านี้เป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและมั่นคง "กำแพงภาษีส่งผลให้เศรษฐกิจหยุดชะงักอย่างไม่จำเป็นและก่อให้เกิดเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นอันตรายต่อทุกฝ่าย"
โฆษกกล่าวถึงความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีสินค้าจาก EU ว่า "EU จะตอบโต้อย่างจริงจังต่อคู่ค้ารายใดก็ตามที่เรียกเก็บภาษีสินค้าจาก EU อย่างไม่เป็นธรรมหรือโดยพลการ "ความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนของเรากับสหรัฐฯ นั้นมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จึงมีความเสี่ยงมากมาย"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นับตั้งแต่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง EU พยายามสนับสนุนให้ทั้งสองฝ่ายทำงานร่วมกันเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกที่มีอยู่เดิม และทุ่มเทความพยายามในการหลีกเลี่ยงข้อขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯ ผ่านการเจรจา อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ได้ย้ำแผนของเขาอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยกล่าวว่าเขาจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าจาก EU "อย่างแน่นอน"
ทั้งนี้ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 10% และภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (1 ก.พ.) โดยคำสั่งดังกล่าวเผชิญกับเสียงคัดค้านอย่างกว้างขวางและถูกตอบโต้ทันที