ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวานนี้ (2 ก.พ.) ว่า มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าครั้งใหญ่ที่เขาใช้กับเม็กซิโก แคนาดา และจีน อาจทำให้ชาวอเมริกันต้องเจอกับความยากลำบากในช่วงแรก ๆ สอดคล้องกับความกังวลของตลาดการเงินทั่วโลกที่มองว่า มาตรการนี้จะฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจและอาจทำให้เงินเฟ้อพุ่งกลับมาอีกครั้ง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แม้แคนาดาและเม็กซิโกจะประกาศมาตรการตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าเช่นกัน ทรัมป์ก็ยังยืนยันว่าจะเดินหน้าเจรจากับผู้นำทั้งสองประเทศในวันนี้ (3 ก.พ.) แต่ไม่คาดหวังว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง
หลังเดินทางกลับกรุงวอชิงตันจากคฤหาสน์มาร์อาลาโกของเขาที่ฟลอริดา ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า "ผมไม่ได้คาดหวังอะไรยิ่งใหญ่ ... พวกเขาเป็นหนี้เราเป็นจำนวนมาก และผมแน่ใจว่าพวกเขาจะต้องจ่ายคืน"
นอกจากนี้ เขายังย้ำด้วยว่าจะต้องมีการเก็บภาษีนำเข้ากับสหภาพยุโรป (EU) อย่างแน่นอน แต่ยังไม่ได้ระบุเวลาที่ชัดเจน
ด้านนักวิจารณ์โต้แย้งว่า แผนของทรัมป์ที่จะเก็บภาษีนำเข้า 25% กับแคนาดาและเม็กซิโก และ 10% กับจีนนั้น จะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและของในอเมริกาแพงขึ้น อย่างไรก็ตาม ปธน.ทรัมป์แก้ต่างว่ามาตรการนี้จำเป็นเพื่อควบคุมคนเข้าเมือง สกัดการค้ายาเสพติด และหนุนอุตสาหกรรมในประเทศ
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า "ช่วงแรก ๆ อาจจะลำบากกันหน่อย ประชาชนก็เข้าใจดี แต่ที่ผ่านมาสหรัฐฯ ถูกเอาเปรียบจากแทบทุกประเทศในโลก"
ด้านนักวิเคราะห์ของ ING มองว่า มาตรการขึ้นภาษีของทรัมป์จะกระทบสินค้านำเข้าเกือบครึ่งหนึ่งของสหรัฐฯ ซึ่งหากจะชดเชยส่วนนี้ สหรัฐฯ ต้องเพิ่มกำลังผลิตในประเทศมากกว่าเท่าตัว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในเวลาอันสั้น