เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยในวันจันทร์ (3 ก.พ.) ว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมดำเนินมาตรการเพื่อปรับลดการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนให้กับกระทรวงศึกษาธิการของรัฐบาลกลาง พร้อมเสริมว่าการประกาศเกี่ยวกับแผนดำเนินการต่าง ๆ อาจเกิดขึ้นภายในเดือนก.พ.
ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล (WSJ) รายงานว่า เหล่าที่ปรึกษาของทรัมป์กำลังพิจารณาใช้อำนาจของฝ่ายบริหารเพื่อออกมาตรการแยกส่วนงานของกระทรวงศึกษาธิการ โดยเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของมหาเศรษฐีอีลอน มัสก์ และพรรคพวก ที่ต้องการลดจำนวนบุคลากรภาครัฐ
รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ได้หารือกันเกี่ยวกับคำสั่งฝ่ายบริหารที่จะยุติการทำงานทั้งหมดของกระทรวงศึกษาธิการที่ไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนตามกฎหมาย หรือโยกย้ายงานบางส่วนไปยังกระทรวงอื่น และยังเสริมอีกว่า คำสั่งดังกล่าวอาจรวมถึงการร่างข้อเสนอทางกฎหมายเพื่อยุบกระทรวง
อย่างไรก็ตาม กระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าว ขณะที่ WSJ รายงานว่า อาจมีการประกาศเพิ่มเติมอย่างเร็วที่สุดในวันอังคาร (4 ก.พ.)
พรรครีพับลิกันได้วิพากษ์วิจารณ์กระทรวงศึกษาธิการภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดนอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการยกหนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา และนโยบายที่เกี่ยวข้องกับโครงการความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก (DEI)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทรัมป์ได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อยกเลิกโครงการ DEI หลายโครงการทั่วทั้งรัฐบาลกลางแล้ว ขณะที่สำนักข่าวเอบีซี นิวส์รายงานเมื่อวันจันทร์ว่า บุคลากรกระทรวงศึกษาธิการหลายสิบคนได้รับหนังสือในช่วงเย็นวันศุกร์ ที่แจ้งว่าพวกเขาถูกพักงาน
ทั้งนี้ มัสก์ เป็นหัวหอกของทรัมป์ในการดำเนินการลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางที่ฝ่ายบริหารมองว่าสิ้นเปลือง โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทีมงานของมัสก์ที่สังกัดหน่วยงานเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐบาล หรือ DOGE ได้เข้าถึงระบบการชำระเงินซึ่งเป็นข้อมูลอ่อนไหวที่สุดของกระทรวงการคลัง และทำให้ลูกจ้างประจำของรัฐบาลกลางบางคนไม่สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ของตนเองในที่ทำงานได้