เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (3 ก.พ.) โดยคาดว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะประกาศในวันนี้ (4 ก.พ.) ที่จะยุติการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ กับคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) และจะยังคงระงับการให้เงินทุนสนับสนุนแก่สำนักงานบรรเทาทุกข์และการทำงานของสหประชาชาติเพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) ด้วย
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นในเวลาเดียวกับการเยือนกรุงวอชิงตันของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล โดยเนทันยาฮูได้วิพากษ์วิจารณ์ UNRWA มานาน โดยกล่าวหาว่า มีอคติต่ออิสราเอล และเจ้าหน้าที่ของ UNRWA ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมก่อการร้ายต่ออิสราเอล
ในการดำรงตำแหน่งสมัยแรก (2560-2564) ทรัมป์ได้ตัดเงินทุนสนับสนุนสำหรับ UNRWA โดยตั้งคำถามถึงประโยชน์ของสำนักงานนี้ และระบุว่าชาวปาเลสไตน์จำเป็นต้องเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพครั้งใหม่กับอิสราเอลพร้อมทั้งเรียกร้องให้ดำเนินการปฏิรูป
รัฐบาลทรัมป์สมัยแรกได้ถอนตัวออกจาก UNHRC ซึ่งมีสมาชิก 47 ประเทศในปี 2561 โดยอ้างถึงความมีอคติที่รุนแรงต่ออิสราเอล และการขาดการปฏิรูป
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปัจจุบัน สหรัฐฯ ไม่ได้เป็นสมาชิกของ UNHRC และทาง UNHRC ก็มีกำหนดทบทวนประวัติด้านสิทธิมนุษยชนของสหรัฐฯ ในเดือนส.ค.นี้ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ประเทศต่าง ๆ จะต้องดำเนินการทุก 2-3 ปี
แม้ว่า UNHRC ไม่มีอำนาจผูกมัดทางกฎหมาย แต่การอภิปรายของ UNHRC ก็มีความสำคัญทางการเมือง และการวิพากษ์วิจารณ์อาจเพิ่มแรงกดดันระดับโลกให้รัฐบาลต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงแนวทางการปฏิบัติได้
นับตั้งแต่ที่ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 เมื่อวันที่ 20 ม.ค. เขายังได้สั่งถอนสหรัฐฯ ออกจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย