สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานเมื่อวานนี้ (4 ก.พ.) โดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า ปานามาอยู่ระหว่างพิจารณายกเลิกสัญญากับบริษัทสัญชาติฮ่องกงที่บริหารท่าเรือริมคลองปานามา เหตุผลหนึ่งคือเพื่อลดความตึงเครียดจากกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ขู่ว่าจะเข้าไปจัดการกับอิทธิพลของจีนในเส้นทางน้ำสายสำคัญนี้
แหล่งข่าวระบุว่า รัฐบาลของปธน.โฮเซ ราอูล มูลิโน กำลังพิจารณายกเลิกสัญญากับบริษัทฮัทชิสัน พอร์ตส์ (Hutchison Ports PPC) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของมหาเศรษฐีลี กาชิง เจ้าของบริษัทซีเค ฮัทชิสัน โฮลดิงส์ (CK Hutchison Holdings)
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเดียวกันเตือนว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป และรัฐบาลจะดำเนินการทุกอย่างอย่างรอบคอบตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการถูกฟ้องร้อง
หากแผนนี้สำเร็จ ก็จะเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของปธน.ทรัมป์ ผู้เคยวิจารณ์ว่า จีนมีอำนาจควบคุมคลองปานามามากเกินไปและยังไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะใช้กำลังเข้ายึดคลองปานามา
ปัจจุบัน บริษัทฮัทชิสัน พอร์ตส์ เป็นผู้บริหารท่าเรือ 2 แห่งจากทั้งหมด 5 แห่งที่อยู่ติดคลองปานามา โดยท่าเรือแต่ละแห่งตั้งอยู่คนละฝั่งคลอง
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (1 ก.พ.) มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เดินทางมาเยือนปานามา และได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่าจำเป็นต้องมีมาตรการควบคุมอิทธิพลของจีนที่มีเหนือคลองปานามาที่สหรัฐฯ เป็นผู้สร้าง ซึ่งเขามองว่า อิทธิพลดังกล่าว "ไม่อาจยอมรับได้"
รูบิโอระบุว่า จีนอาจใช้ท่าเรือเหล่านี้เป็นฐานปฏิบัติการทางทหารหากเกิดความขัดแย้งขึ้น
ทั้งนี้ คลองดังกล่าวได้ถูกโอนให้ปานามาในปี 2542 ตามสนธิสัญญาที่ปธน.จิมมี คาร์เตอร์ ได้ลงนามไว้เมื่อ 20 ปีก่อนหน้านั้น โดยบริษัทฮัทชิสันได้รับสัมปทานให้บริหารท่าเรือบัลโบอาและกริสโตบัลของปานามาตั้งแต่ปี 2540 และต่อมาในปี 2564 ก็ได้ต่อสัญญาออกไปจนถึงปี 2590
เรื่องของท่าเรือยังมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (3 ก.พ.) ทนายความ 2 คนได้ยื่นฟ้องคัดค้านสัญญาของบริษัทฮัทชิสัน ด้วยเหตุผลว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ นอร์แมน กาสโตร หนึ่งในทนายความผู้ยื่นฟ้อง ได้ชี้แจงว่า สัมปทานดังกล่าวให้สิทธิพิเศษทางภาษีเกินขอบเขต อีกทั้งยังมีการยกที่ดินขนาดใหญ่ให้แก่บริษัทฮัทชิสัน ซึ่งขัดกับหลักการในรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน
ภายหลังจากที่ปธน.ทรัมป์ขู่ว่าจะยึดเส้นทางเดินเรือ ได้เกิดปฏิบัติการหลายอย่างที่มุ่งเป้าไปที่ธุรกิจท่าเรือของมหาเศรษฐีชาวฮ่องกงรายนี้ โดยเมื่อเดือนที่แล้ว ทางการปานามาได้ส่งคณะผู้ตรวจสอบบัญชีเข้าไปยังบริษัทปานามา พอร์ตส์ (Panama Ports Co.) ในเครือซีเค ฮัทชิสัน เพื่อดำเนินการตรวจสอบ "อย่างหมดจด" โดยอ้างว่าต้องการควบคุมดูแลการใช้ทรัพยากรของรัฐให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส
ในการตอบสนองต่อการตรวจสอบครั้งนี้ บริษัทฮัทชิสัน พอร์ตส์ ได้แถลงว่า บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจในประเทศต่อไป และพร้อมให้ความร่วมมือในการตรวจสอบอย่างเต็มที่
อนึ่ง สินค้าที่ขนส่งผ่านคลองปานามาประมาณ 75% เป็นสินค้านำเข้าและส่งออกของสหรัฐฯ ส่งผลให้สหรัฐฯ เป็นประเทศที่ได้รับประโยชน์จากเส้นทางนี้มากที่สุด ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2567 คลองปานามาสามารถสร้างรายได้เกือบ 5 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นประมาณ 4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของปานามา