สหพันธ์พนักงานรัฐบาลอเมริกัน (AFGE) และสมาคมบริการต่างประเทศอเมริกา (AFSA) ได้ยื่นฟ้องร้องรัฐบาลสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (6 ก.พ.) เพื่อหาทางยกเลิกคำสั่งยุบองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทั้งสองหน่วยงานได้ยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อขอคำสั่งระงับความเคลื่อนไหวที่พวกเขามองว่าเป็น "การขัดต่อรัฐธรรมนูญและผิดกฎหมาย" ซึ่งก่อให้เกิด "วิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมทั่วโลก"
ความเคลื่อนไหวดังกล่าว รวมถึงคำสั่งระงับความช่วยเหลือให้กับต่างประเทศ ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศไว้เมื่อสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ก่อนจะตามมาด้วยคำสั่งจากกระทรวงการต่างประเทศให้ระงับโครงการ USAID ทั่วโลก ส่งผลให้ระบบคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานถูกปิด และพนักงานถูกสั่งพักงานกะทันหัน
เอกสารฟ้องร้องฉบับดังกล่าวระบุชื่อทรัมป์ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการคลังเป็นจำเลย
การยกเครื่ององค์กรในครั้งนี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกและพันธมิตรใกล้ชิดของทรัมป์ ซึ่งเป็นหัวหอกในความพยายามของปธน.ในการลดขนาดระบบราชการของรัฐบาลกลาง โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (3 ก.พ.) มัสก์ได้โพสต์ข้อความผ่านเอ็กซ์ (X) ว่าเขาและพนักงานของเขา "ใช้เวลาทั้งสุดสัปดาห์ในการขุดคุ้ยหน่วยงาน USAID"
เว็บไซต์ของ USAID ระบุว่า ตั้งแต่เที่ยงคืนวันศุกร์นี้เป็นต้นไป (7 ก.พ.) "บุคลากรที่ USAID จ้างโดยตรงทั้งหมดจะถูกพักงานทั่วโลก ยกเว้นบุคลากรที่มีบทบาทสำคัญต่อภารกิจ ผู้นำหลัก และโครงการที่มีข้อกำหนดพิเศษ"