นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ผู้นำอินเดีย กล่าวในวันพฤหัสบดี (13 ก.พ.) ว่า อินเดียและสหรัฐอเมริกาจะร่วมมือกันเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคีมากกว่าสองเท่า สู่ระดับ 5 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2573
ในการแถลงข่าวร่วมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ หลังการประชุมของทั้งสองผู้นำ ณ กรุงวอชิงตัน นายกฯ โมดีเผยว่า "คณะทำงานของเราจะเร่งสรุปข้อตกลงการค้าที่เป็นประโยชน์ร่วมกันโดยเร็วที่สุด" พร้อมระบุว่าทั้งสองประเทศจะร่วมกันพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ด้านปธน.ทรัมป์ได้รับทราบถึงการที่อินเดียปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ พร้อมระบุว่าจะเริ่มเจรจาเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการค้า โดยหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ปธน.ทรัมป์ลงนามในบันทึกของประธานาธิบดีเกี่ยวกับแผนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับประเทศที่เรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงอินเดีย โดยสหรัฐฯ จะกำหนดอัตราภาษีเท่ากับที่อินเดียเรียกเก็บ และมองว่าการเพิ่มการส่งออกน้ำมันและก๊าซไปยังอินเดียอาจช่วยลดปัญหาการขาดดุลการค้าได้
ปัจจุบัน อินเดียกำหนดอัตราภาษีนำเข้าเฉลี่ย 17% สำหรับประเทศที่มีสถานะชาติที่ได้รับอนุเคราะห์ยิ่ง (Most Favored Nation หรือ MFN) ขณะที่สหรัฐฯ เรียกเก็บเพียง 3.3%
ทั้งนี้ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ประมาณการว่า มูลค่าการค้าสินค้ารวมระหว่างสหรัฐฯ กับอินเดียอยู่ที่ 1.29 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2567 และในช่วงเวลาดังกล่าว อินเดียเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคู่ค้าอันดับสามของอินเดีย ที่ระดับ 4.57 หมื่นล้านดอลลาร์