สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (17 ก.พ.) โดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า ไต้หวันกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดซื้ออาวุธมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์จากสหรัฐอเมริกา โดยหวังที่จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในขณะที่ไต้หวันยังคงถูกจีนกดดันทางทหารอย่างต่อเนื่อง
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับสถานการณ์เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ไต้หวันอยู่ระหว่างการเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ โดยการจัดซื้ออาวุธครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อแสดงให้สหรัฐฯ เห็นถึงความมุ่งมั่นในการป้องกันตนเองของไต้หวัน ซึ่งยุทโธปกรณ์ที่จะจัดซื้อประกอบด้วยขีปนาวุธร่อนสำหรับป้องกันชายฝั่งและระบบจรวดหลายลำกล้อง HIMARS
"ถ้ามูลค่าการจัดซื้อครั้งนี้น้อยกว่า 8 พันล้านดอลลาร์ก็จะน่าแปลกใจมาก คาดว่าจะอยู่ในช่วง 7 พันล้าน ถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์" แหล่งข่าวระบุ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ได้แสดงจุดยืนว่าต้องการเร่งกระบวนการส่งมอบอาวุธให้แก่ไต้หวัน
ทางด้านกระทรวงกลาโหมไต้หวันไม่ได้ให้ความเห็นต่อการจัดซื้ออาวุธรายการใดรายการหนึ่ง แต่ยืนยันว่ากำลังเดินหน้าเสริมสร้างศักยภาพในการป้องกัน
"อาวุธยุทโธปกรณ์ใด ๆ ที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายในการเสริมสร้างกองทัพ ล้วนอยู่ในแผนการจัดซื้อของเรา" กระทรวงฯ กล่าว
แหล่งข่าวยังเปิดเผยว่า ไต้หวันกำลังเตรียมเสนองบประมาณกลาโหมพิเศษ โดยให้ความสำคัญกับการจัดหายุทโธปกรณ์หลายประเภท ทั้งกระสุนความแม่นยำสูง ระบบป้องกันภัยทางอากาศรุ่นอัปเกรด ระบบบัญชาการและควบคุม อุปกรณ์สำหรับกองกำลังสำรอง ตลอดจนเทคโนโลยีต่อต้านโดรน
เจ้าหน้าที่ไต้หวันมองว่าได้รับสัญญาณในเชิงบวกจากรัฐบาลทรัมป์ แม้ว่าการขู่เรื่องมาตรการภาษีนำเข้าจะทำให้ความหวังนั้นลดทอนลงไปบ้าง
แหล่งข่าวระบุว่า ไต้หวันไม่เชื่อว่าทรัมป์จะพยายาม "ต่อรองครั้งใหญ่" กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน จนถึงขั้นสละผลประโยชน์ของไต้หวัน โดยมองว่าทรัมป์ให้ความสำคัญกับประเด็นการขึ้นภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์มากกว่า
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับไต้หวันยังมีสัญญาณที่ดีอีกประการ เมื่อแหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า เรย์มอนด์ กรีน นักการทูตระดับสูงของสหรัฐฯ ประจำไต้หวัน จะยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไป แม้ว่าตำแหน่งทางการทูตอื่น ๆ ของสหรัฐฯ จะมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ก็ตาม