ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกโรงสนับสนุนแนวคิดให้รัฐบาลกลางเข้าควบคุมการปกครองกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (19 ก.พ.) โดยวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลท้องถิ่น "ล้มเหลว" ในการจัดการปัญหาอาชญากรรมและคนไร้บ้าน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พรรครีพับลิกันพยายามล้มล้างการปกครองตนเอง (Home Rule) ของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. หรือดิสตริกต์ออฟโคลัมเบีย ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของพรรคเดโมแครต แม้เขตปกครองพิเศษแห่งนี้จะได้รับสิทธิในการปกครองตนเองบางส่วนมาตั้งแต่ปี 2516 แต่ก็ยังคงอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐสภาสหรัฐฯ เป็นหลัก
"ผมเชื่อว่าเราควรเข้าปกครองดิสตริกต์ออฟโคลัมเบีย" ทรัมป์แถลงต่อผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน
"เราต้องบริหารด้วยความเด็ดขาด ใช้กฎหมายสร้างความสงบเรียบร้อย ทำให้มันเป็นเมืองที่งดงามไร้ที่ติ และผมคิดว่าเราควรเข้าควบคุมวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสร้างความปลอดภัย" ทรัมป์กล่าว ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาแสดงจุดยืนเช่นนี้
เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ฝ่ายนิติบัญญัติพรรครีพับลิกันได้ยื่นร่างกฎหมายที่มุ่งยุบรัฐบาลท้องถิ่นของดิสตริกต์ออฟโคลัมเบีย รวมถึงตำแหน่งนายกเทศมนตรีและสภาเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง พร้อมผลักดันให้อำนาจรัฐสภาในการออกกฎหมายควบคุมประชากร 700,000 คนในเมืองแห่งนี้ ซึ่ง 44% เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน
ร่างกฎหมายนี้ได้รับการขนานนามว่า "รัฐบัญญัติบาวเซอร์" (Bowser Act) โดยหมายถึง มิวเรียล บาวเซอร์ นายกเทศมนตรีผิวสีแห่งกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
ทางด้านพรรคเดโมแครตและบาวเซอร์ต่างสนับสนุนให้ยกระดับเมืองหลวงแห่งนี้สู่การเป็นรัฐที่ 51 แม้ว่าข้อเสนอนี้จะยังไม่ประสบความสำเร็จก็ตาม
ภายหลังการเสนอรัฐบัญญัติบาวเซอร์ สำนักงานของบาวเซอร์ได้ให้ความเห็นว่า "แม้ Home Rule จะเป็นเพียงการปกครองตนเองแบบจำกัด แต่เป้าหมายที่เราควรมุ่งเน้นคือการก้าวสู่การเป็นรัฐที่ 51"
ด้านทรัมป์กล่าวว่า "ผมชื่นชอบท่านนายกเทศมนตรี เรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่พวกเขาบริหารงานล้มเหลว อาชญากรรมระบาด กราฟิตีเกลื่อนเมือง เต็นท์ผุดขึ้นเต็มสนามหญ้า"
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังแสดงกล่าวว่า ไม่ต้องการให้ผู้นำต่างชาติต้องพบเห็นภาพคนไร้บ้านระหว่างการเยือนกรุงวอชิงตัน