สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวว่า คริสตี อาร์มสตรอง ผู้อำนวยการฝ่ายจัดหาบุคลากรของกรมสรรพากรสหรัฐฯ (IRS) แจ้งต่อพนักงานทั้งน้ำตาในวันพฤหัสบดี (20 ก.พ.) ว่า พนักงานราว 6,000 คนจะถูกปลดออกจากงาน ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ทำให้พนักงานของ IRS ราว 6% ต้องออกจากงานในช่วงที่มีการยื่นภาษีจำนวนมาก
พนักงานคนหนึ่งที่ได้รับแจ้งจากอาร์มสตรองผ่านทางโทรศัพท์เปิดเผยว่า อาร์มสตรองกล่าวทั้งน้ำตาขณะที่แจ้งทางโทรศัพท์ว่าพนักงานราว 6,000 คนว่าจะถูกเลิกจ้าง และสนับสนุนให้พนักงานให้กำลังใจกันและกัน
"เธอดูสะเทือนใจมาก" พนักงานคนดังกล่าวระบุ
การเลิกจ้างดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่จะลดขนาดองค์กร ซึ่งมุ่งเป้าไปที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านการธนาคาร พนักงานกรมป่าไม้ นักวิทยาศาสตร์ด้านจรวด และพนักงานของรัฐอื่น ๆ อีกหลายพันคน โดยมี อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทเทสลา ซึ่งเป็นผู้บริจาครายใหญ่ของทรัมป์เป็นหัวหอกในการดำเนินการดังกล่าว
มัสก์อยู่บนเวทีในงานประชุมเชิงปฏิบัติการทางการเมืองอนุรักษ์นิยม ณ แนชันนัล ฮาร์เบอร์ รัฐแมริแลนด์ ขณะที่ปธน.ฆาบิเอร์ มิเลย์ของอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการกวัดแกว่งเลื่อยยนต์เพื่อแสดงให้เห็นถึงนโยบายการลดรายจ่ายที่เด็ดขาดของเขานั้น ได้มอบเลื่อยยนต์อันหนึ่งให้กับมัสก์
มัสก์กล่าวว่า "นี่เป็นเลื่อยสำหรับระบบราชการ" ขณะที่ชูเลื่อยยนต์บนเวทีเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการปรับลดตำแหน่งงานของภาครัฐครั้งใหญ่
แหล่งข่าวระบุว่า การเลิกจ้างดังกล่าวคาดว่าจะกระทบพนักงานของ IRS ทั้งสิ้น 6,700 ตำแหน่ง โดยพนักงานที่ถูกเลิกจ้างส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ได้รับการว่าจ้างเข้ามาตามแผนขยายงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครต ซึ่งต้องการเพิ่มการตรวจสอบภาษีของผู้มีรายได้สูง อย่างไรก็ตาม พรรครีพับลิกันคัดค้านการขยายงานดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าอาจนำไปสู่การคุกคามประชาชนทั่วไป