รัฐบาลคอสตาริการับกลุ่มผู้อพยพชุดแรกซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชีย เมื่อวานนี้ (20 ก.พ.) ภายใต้ข้อตกลงกับสหรัฐฯ ที่ขอให้คอสตาริการับผู้อพยพราว 200 คนที่ถูกเนรเทศจากสหรัฐฯ ไว้เป็นการชั่วคราว ก่อนที่จะส่งคนเหล่านี้กลับไปยังประเทศบ้านเกิดของพวกเขา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การส่งตัวผู้อพยพครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการปราบปรามผู้อพยพผิดกฎหมายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มเที่ยวบินขนส่งผู้อพยพไปยังประเทศต่าง ๆ ที่ให้ความร่วมมือกับทรัมป์ในกระบวนการส่งตัวผู้อพยพกลับประเทศ
กลุ่มผู้อพยพที่ถูกเนรเทศล่าสุดถูกส่งตัวโดยเครื่องบินจากเมืองซานดิเอโกในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ไปยังกรุงซานโฮเซ เมืองหลวงของคอสตาริกา จากนั้นจะถูกขนส่งโดยรถบัสไปยังศูนย์พักพิงผู้อพยพใกล้ชายแดนที่ติดกับประเทศปานามา
โอมาร์ บาดิลลา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงของคอสตาริกากล่าวกับผู้สื่อข่าวที่สนามบินซานโฮเซว่า ผู้อพยพกลุ่มนี้จะได้รับอนุญาตให้อยู่ในคอสตาริกาเป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งในระหว่างนี้เจ้าหน้าที่จะประสานงานเพื่อส่งตัวพวกเขากลับประเทศโดยสมัครใจ
"พวกเขาส่วนใหญ่ต้องการกลับประเทศของตน" บาดิลลากล่าว พร้อมเสริมว่า ผู้ที่ปฏิเสธจะได้รับการพิจารณาเป็นรายกรณี
กลุ่มผู้อพยพชุดนี้ซึ่งทั้งหมดเป็นครอบครัวนั้น มาจากประเทศอุซเบกิสถาน จีน อาร์เมเนีย ตุรกี อัฟกานิสถาน รัสเซีย จอร์เจีย เวียดนาม อาเซอร์ไบจาน อิหร่าน จอร์แดน คาซัคสถาน และกานา
ประธานาธิบดีโรดริโก ชาเวซ ประกาศเมื่อวันพุธ (19 ก.พ.) ว่า ภายใต้ข้อตกลงล่าสุดนั้น คาดว่าผู้อพยพที่ถูกสหรัฐฯ ส่งตัวกลับประเทศอื่น ๆ อีกราว 200 คนจะถูกส่งตัวมายังคอสตาริกา โดยได้ระบุถึงการขู่ของสหรัฐฯ ที่อาจกำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากคอสตาริกา