อู๋ จื้อจง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน เปิดเผยว่า ไต้หวันกำลังพยายามกระชับสัมพันธ์ด้านความมั่นคงกับสหรัฐอเมริกา และอาจพิจารณาซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น
อู๋ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า "ผมเชื่อว่ามีหนทางที่จะกระชับความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงอย่างไม่เป็นทางการกับสหรัฐฯ"
เขากล่าวเสริมว่า "หากเราเพิ่มงบประมาณกลาโหม แน่นอนว่าผลที่ตามมาก็คือ การซื้ออาวุธจากอเมริกามากขึ้น เนื่องจากยุโรปไม่ต้องการขายอาวุธให้กับเรา"
ในวันอังคาร (4 มี.ค.) เจ้าหน้าที่เพนตากอนของสหรัฐฯ เพิ่งแนะนำให้ไต้หวันเพิ่มงบประมาณกลาโหม โดยเอลบริดจ์ คอลบี ผู้ได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ฝ่ายนโยบายการป้องกันประเทศ กล่าวว่า ไต้หวัน ซึ่งกำลังเผชิญ "ภัยคุกคามที่ใหญ่ขึ้น" จากจีน ควรพิจารณาเพิ่มการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศเป็นปีละประมาณ 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ในวันนี้ (5 มี.ค.) จีนได้ประกาศเพิ่มงบประมาณกลาโหม 7.2% ในปี 2568 ส่งผลให้งบประมาณกลาโหมของจีนพุ่งแตะ 1.78 ล้านล้านหยวน