ผู้บริหารอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ทางการสหรัฐฯ ได้เริ่มปล่อยคืนอุปกรณ์ขุดคริปโทฯ ที่ผลิตในจีนซึ่งถูกยึดไว้แล้ว โดยได้เริ่มปล่อยคืนเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
เครื่องขุดคริปโทฯ ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีชิปประสิทธิภาพสูง ใช้แข่งขันกันแก้โจทย์คณิตศาสตร์ เพื่อช่วยสร้างบล็อกเชนที่รองรับระบบคริปโทเคอร์เรนซี และได้รับรางวัลเป็นเงินดิจิทัลใหม่
ทาราส คูลิก ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทซินเทค ดิจิทัล (Synteq Digital) ซึ่งเป็นนายหน้าซื้อขายอุปกรณ์ขุดคริปโทฯ กล่าวว่า "มีการปล่อยคืนเครื่องขุดหลายพันเครื่อง"
คูลิกระบุว่า ครั้งหนึ่งเคยมีเครื่องขุดมากถึง 10,000 เครื่องติดค้างอยู่ตามจุดตรวจศุลกากรที่ท่าเรือต่าง ๆ ในสหรัฐฯ
"ดูเหมือนว่าจะมีบางคนในสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดน (CBP) ที่ไม่ชอบการขุดบิตคอยน์ และพยายามสร้างปัญหาให้ทั้งอุตสาหกรรม ซึ่งพวกเขาก็ทำสำเร็จพอสมควร" คูลิกกล่าว
บล็อกสเปซ (Blockspace) สื่อด้านคริปโทฯ รายงานในเดือนพ.ย. 2567 ว่า CBP และคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการสื่อสารของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (FCC) ได้เริ่มยึดอุปกรณ์ขุดบิตคอยน์บางส่วนตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยระบุว่าเครื่องที่ถูกยึดบางเครื่องอาจมีชิปจากซอฟโก (Sophgo) บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ของจีนที่ถูกสหรัฐฯ จำกัดด้านการค้า
การปล่อยคืนอุปกรณ์ขุดคริปโทฯ ที่ไม่ระบุจำนวนนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และความกังวลด้านความมั่นคงที่หน่วยงานของสหรัฐฯ หยิบยกขึ้นมาในช่วงท้ายของรัฐบาลโจ ไบเดน
อีธาน เวรา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของบริษัทลักซอร์ เทคโนโลยี (Luxor Technology) กล่าวกับรอยเตอร์ว่า "อุปกรณ์ที่ถูกยึดได้รับการปล่อยคืนบางส่วน แต่ในตอนนี้ยังคงเป็นเพียงส่วนน้อย"
ทั้งเวราและคูลิกกล่าวว่า ทางการสหรัฐฯ อ้างข้อกังวลเกี่ยวกับการปล่อยคลื่นความถี่วิทยุจากเครื่องขุดดังกล่าว ซึ่งพวกเขามองว่าไม่มีมูลความจริง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อเดือนต.ค. 2567 ว่า ซอฟโกได้ถูกสหรัฐฯ ลงโทษในช่วงท้ายของรัฐบาลไบเดน โดยซอฟโกถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวกลางระหว่างไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง จำกัด (TSMC) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิประดับสูงของไต้หวัน กับหัวเว่ย (Huawei) บริษัทโทรคมนาคมจีนที่อยู่ในบัญชีดำของสหรัฐฯ