กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี (6 มี.ค.) ว่า สหรัฐฯ กำลังถอนตัวจากภาคีหุ้นส่วนการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างเท่าเทียม (JETP) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศพัฒนาแล้วในการช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาเปลี่ยนผ่านจากพลังงานถ่านหินสู่พลังงานสะอาด
โฆษกกระทรวงฯ ระบุว่า สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลง JETP กับแอฟริกาใต้ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ตามคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ระบุว่าโครงการเหล่านี้ "ไม่สะท้อนค่านิยมและผลประโยชน์ของประเทศเราในการบรรลุเป้าหมายด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า JETP ประกอบด้วยประเทศผู้บริจาค 10 ประเทศ เปิดตัวครั้งแรกที่การประชุม COP26 ในเมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ เมื่อปี 2564 โดยมีแอฟริกาใต้ อินโดนีเซีย เวียดนาม และเซเนกัล เป็นประเทศผู้รับความช่วยเหลือกลุ่มแรก ผ่านเงินกู้ การค้ำประกันทางการเงิน และเงินให้เปล่า
โจแอนน์ ยาวิตช์ หัวหน้าฝ่ายบริหาร JETP ในแอฟริกาใต้ ยืนยันการถอนตัวของสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (5 มี.ค.) ซึ่งสอดคล้องกับแหล่งข่าววงในอีกหลายรายที่ยืนยันการถอนตัวของสหรัฐฯ จากข้อตกลง JETP ในเวียดนาม อินโดนีเซีย และแอฟริกาใต้
แหล่งข่าวจากกลุ่มผู้บริจาคในแอฟริกาใต้เปิดเผยว่า แม้สหรัฐฯ จะถอนตัว แต่ยังมีเงินทุนสนับสนุนจำนวนมาก และกลุ่มพันธมิตรนานาชาติยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของแอฟริกาใต้
อนึ่ง นับตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้าดำรงตำแหน่งในเดือนม.ค. รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ลดความช่วยเหลือต่างประเทศและหันมาสนับสนุนการพัฒนาเชื้อเพลิงฟอสซิล
สหรัฐฯ เคยให้คำมั่นสนับสนุนอินโดนีเซียและเวียดนามรวมกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่เป็นเงินกู้เชิงพาณิชย์ และ 1.063 พันล้านดอลลาร์สำหรับแอฟริกาใต้ จากวงเงินรวม 1.16 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ให้คำมั่นไว้