ว่าที่นายกฯแคนาดาจวก "ทรัมป์" ปมเรียกเก็บภาษีนำเข้า-ทำแคนาดาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ

ข่าวต่างประเทศ Monday March 10, 2025 16:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

มาร์ค คาร์นีย์ อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคเสรีนิยม (Liberal Party) และเตรียมก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแคนาดาคนใหม่ แทนจัสติน ทรูโด ได้วิจารณ์ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ว่า "กำลังโจมตีคนทำงาน ครอบครัว และธุรกิจต่าง ๆ ของแคนาดา"

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คาร์นีย์กล่าวโจมตีทรัมป์ในการกล่าวสุนทรพจน์หลังชนะการเลือกตั้งจากกรณี "การเรียกเก็บภาษีศุลกากรอย่างไม่เป็นธรรม" กับแคนาดาและย้ำถึงการควบรวมดินแดนแคนาดาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

คาร์นีย์กล่าวว่า "เราไม่อาจให้เขาทำสำเร็จได้" พร้อมให้คำมั่นว่าจะคงภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เอาไว้ "จนกว่าชาวอเมริกันจะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเคารพเรา"

ทั้งนี้ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ. เพื่อเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาที่ 25% และปรับขึ้นภาษีศุลกากรผลิตภัณฑ์พลังงานของแคนาดาอีก 10% ต่อมาในวันที่ 3 ก.พ. ทรัมป์ประกาศชะลอการบังคับใช้กฎหมายภาษีกับทั้งสองชาติ และเจรจากันต่อ ส่งผลให้มาตรการภาษีมีผลบังคับใช้อีกครั้งในวันที่ 4 มี.ค.

ในวันแรกที่มาตรการภาษีมีผลบังคับใช้ รัฐบาลแคนาดาก็ตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีเบื้องต้นมูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์แคนาดา (2.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ต่อสินค้าของสหรัฐฯ พร้อมให้คำมั่นว่าจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มอีก 1.25 แสนล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 8.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเวลา 21 วัน

คาร์นีย์กล่าวว่า "เราไม่ได้ร้องของการต่อสู้นี้ แต่แคนาดาพร้อมเสมอหากมีใครท้า" พร้อมให้สัญญาว่าจะคงภาษีตอบโต้สหรัฐฯ ตามแผนที่วางไว้

"อเมริกาต้องไม่ทำพลาด ... ในทางการค้าเช่นเดียวกับในกีฬาฮ็อกกี้ แคนาดาจะเป็นผู้ชนะ" คาร์นีย์กล่าว

นอกจากนี้ คาร์นีย์ยังตอบโต้ถ้อยแถลงที่ทรัมป์กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกี่ยวกับการทำให้แคนาดาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ ว่า "แคนาดาจะไม่ยอมเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกาไม่ว่าจะในรูปแบบไหนก็ตาม ... ชาวอเมริกันต้องการทรัพยากรของเรา น้ำของเรา ผืนดินของเรา และประเทศชาติของเรา ... นี่เป็นช่วงเวลาที่มืดมน ช่วงเวลาที่มืดมนจากน้ำมือของประเทศที่เราไม่อาจไว้ใจได้อีกต่อไป"

ด้านทรูโดได้เตือนระหว่างการกล่าวอำลาพรรคเสรีนิยมของเขาเมื่อวันอาทิตย์ว่า แคนาดากำลังเผชิญกับ "ความท้าทายด้านการดำรงอยู่" และ "วิกฤตเศรษฐกิจ" จากสหรัฐฯ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ